โดย - โต๊ะข่าวเกษตร
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผย ปี 60 เมืองย่าโมมีเกษตรแปลงใหญ่มันฯ ครอบคลุม 12 อำเภอ เกษตรกรร่วมโครงการประมาณ 1,500 ราย รวมพื้นที่กว่า 3.3 หมื่นไร่ ดัน ‘โคราชโมเดล’ พัฒนาเกษตรแปลงใหญ่มันฯ สร้างเกษตรกรต้นแบบส่งต่อความสำเร็จ คาดเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนให้ได้อย่างละร้อยละ 20 หนุนใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงานตลอดห่วงโซ่การผลิต ตอบสนองนโยบายประชารัฐ มุ่งเป้าพัฒนาการผลิตมันแบบบูรณาการ
ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยหลังจากเป็นประธานเปิดงาน “ประชารัฐรวมใจ พัฒนาเกษตรแปลงใหญ่มันสำปะหลัง” ณ บ้านหัวอ่างพัฒนา ตำบลหนองไม้ไผ่ อำเภอหนองบุญมากจังหวัดนครราชสีมาว่า มันสำปะหลังเป็นพืชที่เกษตรกรนิยมปลูกกันมาก เนื่องจากสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี เช่น ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง โรคและแมลง ถึงแม้ประเทศไทยจะมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังมาก แต่ปัญหาที่พบคือ ยังมีผลผลิตต่อไร่และประสิทธิภาพการผลิตต่ำ
ดังนั้น การเพิ่มผลผลิตของมันสำปะหลังจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการผลิตทั้งด้านพันธุ์และการเขตกรรมที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผลผลิตและคุณภาพของมันสำปะหลังมีความแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม พันธุ์และการจัดการ การผลิตมันสำปะหลังที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจากการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งข้อมูลของพื้นที่นั้น ๆช่วยในการสนับสนุน ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเฉพาะพื้นที่และต้องมีกระบวนการ
ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สามารถขยายผลวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อไปว่า จากนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร ซื้อปัจจัยการผลิตและจำหน่ยผลผลิตร่วมกัน โดยเชื่อมโยงกับตลาดรับซื้อ และที่สำคัญต้องการให้มีการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ภายใต้การบูรณาการภาครัฐและเอกชน
โดยในปี 2560 จังหวัดนครราชสีมามีเกษตรแปลงใหญ่มันสำปะหลังครอบคลุมพื้นที่ 12 อำเภอ จำนวน 16 แปลง มีพื้นที่รวม 33,488 ไร่ มีเกษตรกร 1,534 ราย เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นเพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าวในปี 2560 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 จัหวัดอุบลราชธานี กรมวิชาการเกษตร ได้บูรณาการกับสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มคัสเตอร์มันโคราช ร่วมกันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่การผลิตในรูปแบบการทำงาน “โคราชโมเดล” ในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่มันสำปะหลัง อำเภอหนองบุญมาก ที่มีพื้นที่รวม 2,816 ไร่ เกษตรกร 98 ราย จัดทำแปลงต้นแบบที่บูรณาการผลงานวิจัยด้านเครื่องจักรกลการเกษตร ด้านพันธุ์ การจัดการดินและปุ๋ย การจัดการน้ำ และการอารักขาพืช
โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมจัดทำปลงต้นแบบ จำนวน 12 ราย รายละ 5ไร่ พื้นที่รวม 60 ไร่ เพื่อให้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่การผลิต ระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการภาคเอกชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลรูปแบบการดำเนินงานและเทคโนโลยีการผลิตสู่พื้นที่เกษตรแปลงใหญ่มันสำปะหลังทุกแปลงของจังหวัดนครราชสีมาให้สามารถเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่ ลดต้นทุนการผลิต ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมเฉพาะพื้นที่ ปรับเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่เรียกว่า สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง (Smart Farming) ตอบสนองนโยบายประชารัฐ มุ่งเป้าพัฒนาการผลิตมันสำปะหลังแบบบูรณาการเพื่อความมั่นคงและยั่งยืน
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวสรุปว่า เป้าหมายของโครงการนี้จะสามารถเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังให้ได้ร้อยละ 20 ในขณะเดียวกันจะลดต้นทุนการผลิตลงร้อยละ 20 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ จะให้กลุ่มเกษตรกรมีการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงานตลอดห่วงโซ่การผลิตไม่น้อยกว่า 2 กลุ่ม มีเครือข่ายการเรียนรู้ของเกษตรกรในทุกพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่มันสำปะหลังในจังหวัดนครราชสีมา และที่สำคัญ จะขยายผลรูปแบบการดำเนินงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสู่พื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา ให้ครอบคลุมพื้นที่ 33,488 ไร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง