เกษตรนักสู้แห่งอีสานใต้“พ่อผาย สร้อยสระกลาง”

    ปราชญ์ชาวบ้านบุรีรัมย์ และปราชญ์แผ่นดินอีสานใต้ ผู้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ปรับใช้ดำเนินชีวิตทำเกษตรผสมผสานและเป็นต้นแบบแก่ชุมชนมากว่า 50 ปี พร้อมถ่ายทอดต่อแก่ชาวบ้าน เกษตรกรทั้งในและต่างประเทศมาเกือบ 2 หมื่นคน รู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย สำหรับ “ผาย สร้อยสระกลาง” อายุ 87 ปี หรือพ่อผาย ปัจจุบันได้ตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มอีโต้น้อย ที่บ้านสระคูณ ต.โคกล่าม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการใช้ชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ชาวบ้าน เกษตรกร และเยาวชน ได้นำไปปฏิบัติ

     โดยพ่อผายได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการดำรงชีวิตมาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว โดยการทำเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งทำนา ปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ ขุดบ่อเลี้ยงปลาไว้บริโภคในครัวเรือน หากเหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน และขายสร้างรายได้ 

    นอกจากนั้นพ่อผายยังเลี้ยงเป็ด ไก่ และสุกร เพื่อนำมูลไปทำเป็นปุ๋ยคอกใส่นาข้าว หรือพืชผักที่ปลูกไว้แทนการใช้สารเคมีอีกด้วย ซึ่งนอกจากพ่อผายจะเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังถ่ายทอดความรู้ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ชาวบ้าน เกษตรกร ทั้งในบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงเกษตรกรจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว นำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตรวมเกือบ 20,000 คนแล้ว ทำให้ผู้ที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีอยู่ มีกิน จนถึงทุกวันนี้ ต่างก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้

    “ภูมิใจที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย อยู่ใต้ร่มพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และที่ผ่านมาก็เคยมีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทหลายครั้งรู้สึกเป็นบุญของชีวิต หลังจากทราบข่าวการสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะพระองค์ถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีคุณธรรมและพระเมตตา ดังนั้นเพื่อตอบแทนพระคุณของพระองค์ ชีวิตที่เหลือก็ยึดหลักความพอเพียง พอประมาณ ทำความดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และเดินตามรอยพระบาทของพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ที่สำคัญก็จะเดินหน้าถ่ายทอดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระองค์ให้แก่ชาวบ้าน เกษตรกรและลูกหลานได้ยึดถือปฏิบัติตลอดไป” พ่อผายกล่าวอย่างภูมิใจ