ปลูกซ่อม...เพื่อทดแทน!

       ***บอกเล่า ข่าวเกษตร ประจำวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 “สองเกลอ” ขอแสดงความเสียใจไปยังเกษตรกร และชาวภาคใต้ทุกท่านที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงพื้นที่การเกษตรและการประมงจำนวนมาก ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของแต่ละท่านคุ้มครองให้ทุกท่านมีความปลอดภัย และให้สถานการณ์สู่ภาวะปกติอย่างเร่งด่วน

 

 

       ***อีกครั้งครับ ที่ สองเกลอ ประทับใจคือทุกครั้งที่คนไทยเราประสบกับความยากทำบาก คนไทยเราไม่ทิ้งกัน อย่างช่วงที่ราคาข้าวตกต่ำ หลายหน่วยงานต่างยืนมือช่วยเหลือกัน ให้พื้นที่ขายข้าวสารโดยไม่คิดค่าเช่า ตอนนี้ชาวภาคใต้กำลังเดือดร้อน ก็มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ต่างยื่นมือช่วยกันอีกครั้ง คงไม่เพียงเฉพาะช่วงที่กำลังเดือดร้อนและมีน้ำขัง เชื่อว่าหลังน้ำลดแล้วก็ยังมีอีหกลายหน่วยงานที่เตรียมจะลงไปช่วยเหลือ ทั้งซ่อมแซมที่อยู่อาศัย แจกเมล็ดพันธุ์พืชระยะสั้น และปุ๋ยให้เกษตรกรที่ประสบภัย

       ***เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2560 คอลัมน์ “รู้มาเล่าไป” หน้าเกษตร“คมชัดลึก” ได้แนะนำวิธีดูแลพืชหลังน้ำท่วม คราวนี้ สองเกลอ มีข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกซ่อมแซมสวนไม้ผลที่ประสบอุทกภัย การประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในสวนไม้ผลหลังประสบอุทกภัย เพราะถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่เกษตรกรต้องเตรียมการที่จะฟื้นฟูสวนไม้ผลของตนเองต่อไป หลังจากน้ำลดแล้ว

       ***ข้อแนะนำ คือหากพบว่า มีต้นไม้ผลที่ยืนต้นตายไปบางส่วนและยังมีส่วนที่เหลือรอดอยู่เกินกว่า 60-70% ของพื้นที่ ให้ใช้วิธีปลูกซ่อมเพื่อทดแทนไม้ผลต้นเดิมที่ตายไป แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ ไม่ควรดำเนินการในขณะที่ดินยังเปียกชุ่มน้ำหรือมีน้ำท่วมขังอยู่ เพราะจะทำให้ไม้ผลที่ยังเหลืออยู่ได้รับความกระทบกระเทือนต่อระบบรากทำให้ทรุดโทรมหนักขึ้นและอาจตายได้

 

 

       ***สิ่งที่เกษตรกรควรดำเนินการเมื่อดินเริ่มแห้งอย่างระมัดระวัง คือ ให้ตัดและเก็บเศษซากของต้นไม้ผลที่ยืนต้นตาย เช่น ผล กิ่ง ก้าน ตอ รวมไปถึงรากหากทำได้ และเก็บออกจากแปลง พร้อมกับการเตรียมดิน โดยใช้เครื่องมือที่มีน้ำหนักเบา ด้วยการพรวนกลับหน้าดินบริเวณโดยรอบ

       พร้อมกำจัดวัชพืชที่ยังเหลืออยู่ ปรับสภาพดินโดยหว่านปุ๋ยขาวหรือไดโลไมค์ เพื่อปรับสภาพดินให้เป็นกลางป้องกันการเกิดโรครากเน่าและโคนเน่าที่มักเกิดขึ้นหลังน้ำลด โรยปุ๋ยคอก และตากดินทิ้งไว้อย่างน้อย 1 เดือน จึงขุดหลุมปลูก หรือถ้าสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ใกล้บ้านท่านครับ!