ข่าว

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - โต๊ะข่าวเกษตร

            ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพื้นที่หางดง เมื่อก่อนที่นี่เป็นแหล่งทดลองไม้เมืองหนาวที่สำคัญ โดยเฉพาะกุหลาบที่มีกลิ่นหอม แต่ปัจจุบันเปลี่ยนงานส่งเสริมโดยเน้นมาปลูกพืชอินทรีย์หลากหลาย ที่สำคัญคือ "อะโวคาโด" ผลไม้ต่างถิ่นของสถานีเกษตรหลวงแห่งนี้ มีไม่พอจำหน่ายต่อความต้องการของผู้บริโภค

            ศูนย์นี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 35 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางราว 45 นาที ถึงหนึ่งชั่วโมง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1269 หางดง-สะเมิง ประมาณกิโลเมตรที่ 21 จะพบป้ายศูนย์ทางซ้ายมือให้เลี้ยวไปตามป้ายเข้าไป 3 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะเที่ยวชมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ มีทั้งรีสอร์ท น้ำตก จุดชมวิวที่มีความสวยงาม 

 

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

          นายสืบศักดิ์ นวจินดา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เคยบอกว่า ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการนั้นในปี 2523 เพื่อส่งเสริมเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่ทำไร่เลื่อนลอยมาปลูกอะไวคาโด ผักซาโยเต้ กุ้ยฉ่ายขาว จนกลายเป็นว่าบริเวณของศูนย์ฯแห่งนี้รวมถึงที่ทำกินของเกษตรกรด้วยกว่า 80 ไร่ กลายเป็นแหล่งปลูกอะโวคาโด จนสามารถออกผลผลิตสู่ตลาดปีละถึง 100 ตัน ซาโยเต้กว่า 200 ตัน ทั้งหมดส่งขายให้โครงการหลวง ที่ติดเครื่องหมายการ"ดอยคำ"นั่นเอง ในแต่ละปีเกษตรกรจะมีรายได้จากการขายออะโวคาโดปีละนับล้านบาท

 

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

          "อะโวคาโดที่ปลูกในพื้นที่แห่งนี้ เป็นไม้ผลที่ผู้บริโภคทั่วโลกรู้จักกันดี และเป็นที่นิยมบริโภคทั่วโลกปีละมากกว่า 2 ล้านตัน มีทั้งการบริโภคสด และสกัดน้ำมันใช้ในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอาง เพราะเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบด้วย วิตามินอี วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี เหมาะที่จะรับประทานและเป็นวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันเพื่อทำเครื่องสำอางประทินผิวต่างๆ นอกจากนี้ ยังอุดมด้วยแร่ธาตุที่สำคัญได้แก่โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส และแมงกานีส และเยื่อใยสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย"

          ด้าน นายสมคิด อุตรเคียนต์ หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง บอกว่า อะโวคาโดนั้นมีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลาง ชอบอากาศหนาว ซึ่งจากการทดลองปลูกในประเทศไทยพร้อมกับทำการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกทดแทนการทำไร่เลื่อนลอยทำลายป่า แต่หลังจากที่ทางศูนย์ฯเข้าไปส่งเสริมอาชีพหลายๆด้าน ปรากกว่าเกษตรกรที่หันมาปลูกอะไวคาโด ปัจจุบันมีราว 70 รายๆละ 1-3 ไร่ พื้นที่ 61 ไร่ จำนวนต้นอะโวคาโดที่ปลูกทั้งหมด 1,288 ต้น มีอะโวคาโดที่ปลูก 8 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ปีเตอร์สัน รูเฮิล บูท7 บูท8 บัคคาเนีย เฟอร์เต้ ฮอล และพันธุ์แฮส ซึ่งถือว่ามีรสชาติอร่อยที่สุดมีเท่าไรขายได้หมด

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

“อะโวคาโด”ผลไม้พลิกชีวิต

        ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของในหลวง รัชกาลที่9 ช่วยพลิกชีวิตชาวบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และประชาชนได้รับประทานผลไม้หลากประโยชน์ในราคาที่จับต้องได้ นายสงวน ตุตานนท์ เกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง วัย 52 ปี จากบ้านทุ่งเริง อีกคนที่หันปลูกอะโวคาโด บอกว่า เดิมที่ยึดอาชีพทำไร่เลื่อนลอยบุกรุกป่าไปเรื่อยๆ มีรายได้ไม่แน่นอน พอโครงการหลวงมาส่งเสริมอาชีพ จึงเลือกปลูกอะโวคาโดและปลูกมา 16 ปีแล้วในพื้นที่ 3 ไร่ มีรายได้ครั้งละ 2-3 หมื่นบาท แต่ละปีจะออกผล 2 ครั้ง ถือว่าตอนนี้ชีวิตมั่นคงแล้ว

       เช่นเดียวกับอาย "เตจ๊ะ" เกษตรกรบ้านขนิลเหนือ ต.บ้านปง บอกว่า เมื่อก่อนปลูกพืชไร่ ปลูกกล้วย ทำสวนลิ้นจี่มาโดยตลอด รายได้ไม่ค่อยดี และไม่มีตลาดที่แน่นอน พร้อมทั้งต้องใช้หนี้ค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ประกอบกับสุขภาพไม่ค่อยดีจึงเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสาน เมื่อเจ้าหน้าที่จากโครงการหลวงเข้ามาแนะนำส่งเสริมให้เปลี่ยนมาปลูกอะโวคาโด พร้อมปลูกพืชผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 ได้ประยุกต์ใช้ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

 

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

สุดยอดผลไม้เพื่อสุขภาพ

         เมื่อก่อนคนไทยไม่ค่อยนิยมผลไม้ชนิดนี้ เนื่องจากเมืองไทยมีผลไม้ให้เลือกหลากหลาย ประกอบกับคนไทยนิยมรับประทานผลไม้ที่มี่รสหวาน กลิ่นหอม ขณะที่ "อะโวคาโด" มีรสชาติมัน จืด ความหวานจึงน้อยกว่าที่คนไทยคุ้นเคย แต่เชื่อหรือไม่ว่า คุณค่าทางอาหารของมันมากมายทีเดียว เพราะอะโวคาโดขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ

         โดยเฉพาะมีไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอไมก้า 6 สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี ทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท โดยไม่ต้องไปหาอาหารเสริมมาบำรุงให้ยุ่งยาก ดังสรรพคุณที่มากมายของอะโวคาโด

       1. บำรุงสมองและป้องกันสมองเสื่อม มีการศึกษาพบว่า อะโวคาโดช่องป้องกันโรคนสมองเสื่อมได้ เพราะมีกรดโอเลอิกสูง ช่วยรักษาเนื้อเยื่อซึ่งช่วยป้องกันระบบประสาทและสมอง จึงทำให้การทำงานของสมองมีความรวดเร็วและไม่เมื่อยล้า หากใช้สมองมาก

 

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

       2. ช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนักเป็นอย่างดีสายคลีนห้ามพลาด

       3. มีโปรตีนสูง และมีกรดอะมิโนสำหรับร่างกายในการย่อยโปรตีนที่ดี ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งต่างๆ มีวิตามินอีที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง

      4. ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เพราะมีสาระสำคัญในการช่วยป้องกันและควบคุมการเต้นของหัวใจได้ดี ทำให้มีการไหลเวียนโลหิตดี มีกรดโอเลอิกมาก

      5. ป้องกันมะเร็งเต้านม มีการวิจับพบว่ามี ลูทีน วิตามินอี และมีกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง จึงช่วยลดความเสี่ยงเรื่องระเร็งเต้านม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว

 

"อะโวคาโด"ไม้ผลสุขภาพจากสวนของ"พ่อ"

 

      6. อุดมไปด้วยวิตามินอี และมีแอนตี้ออกซิเดนท์ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงเป็นผลไม้วิเศษที่เหมาะกับคนรักสวยรักงาม นอกจากนั้นยังมี วิตามิน B1, B2, B6 ฟอสฟอรัส, ไนอาซีน, โพแทสเซียม, กรดโฟลิก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณสดใส ไม่เหี่ยวย่น

       นอกจากผลอะโวกาโด จะรับประทานผลสดดังที่กล่าวแล้ว ยังแปรรูปเพื่อสกัดน้ำมันใช้ในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางต่างๆ เช่น ทำสบู่ ครีม ยาสระผม และอื่นๆ ขณะที่การบริโภคผลสดนั้นสามารถรับประทานเปล่าๆ ร่วมกับสลัด ไอศกรีม น้ำตาล นมข้น ทำมิลล์เชค บดใส่นม น้ำตาลข้นหรือประกอบอาหารต่างๆ เป็นต้น

        

          

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ