โดย - โต๊ะข่าวเกษตร
"จันทน์เทศ" ชื่อเรียกอื่น จันทน์บ้าน เป็นพืชสมุนไพรมีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย แพร่กระจายเข้ามาบ้านเราในสมัยกรุงศรีอยุธยา และปัจจุบันจะพบต้นจันทน์เทศได้มากในพื้นที่เขตร้อนชื้น โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกและทางภาคใต้ของไทย
จัดเป็นไม้พุ่มยืนต้นค่อนข้างใหญ่ ไม่ผลัดใบ ในวงศ์ : MYRISTICACEA ชื่อสามัญ : Nutmeg tree ชื่อวิทยาศาสตร์ : Myristica fragrans Houtt.
ลำต้น สูงประมาณ 5-18 เมตร เปลือกลำต้นมีสีเทาอมดำ ผิวเรียบ เนื้อไม้สีนวลหอมเพราะมีน้ำมันหอมระเหย
ใบ สีเขียว เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ขนาดกว้าง 4-5 เซนติเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร เนื้อใบแข็ง ผิวเรียบ หลังใบเป็นมัน ก้านใบยาว 6-12 มิลลิเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ สีเหลืองอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปคนโทคว่ำ ปลายกลีบแยกออกเป็น 4 แฉก ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้
ผล ค่อนข้างกลม คล้ายกับลูกสาลี่ ขนาดยาว 3.5-5 เซนติเมตร เปลือกผลเรียบ มีสีเหลืองอ่อนหรือสีแดงอ่อน ฉ่ำน้ำ เมื่อผลแก่จะแตกอ้าออกเป็น 2 ซีก ภายในผลจะพบเมล็ดกลม สีน้ำตาล เปลือกแข็ง ขนาดยาว 2-3 เซนติเมตร ส่วนเมล็ดจะมีเยื่อหุ้มหรือรกหุ้มเมล็ดสีแดงส้มและมีกลิ่นหอม
ขยายพันธุ์ ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด ชอบความชื้นปานกลาง แสงแดดเต็มวัน
สรรพคุณทางยา :
1.เมล็ด ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ธาตุพิการ บำรุงโลหิต กระจายเลือดลม บำรุงกำลัง แก้หอบหืด แก้ปวดศีรษะ แก้ดีซ่าน แก้อาการร้อนใน ขับเสมหะ แก้ปวดมดลูก รักษาม้ามหรือไตพิการ แก้ตับพิการ บำรุงน้ำดี ระงับปวดกระเพาะอาหาร ช่วยระงับอาการท้องร่วงแบบปกติและแบบเรื้อรัง แก้ผื่นคัน และช่วยบำรุงผิวหนัง
2.เปลือกเมล็ด แก้ท้องขึ้น แก้อาการปวดท้อง และช่วยสมานบาดแผลภายใน
3.ผล ช่วยขับลม และแก้อาการสะอึก
4.ดอก ช่วยขับลม
5.แก่น แก้ไข้ บำรุงตับและปอด
6.ราก ช่วยขับลม เครื่องเทศ ช่วยให้เจริญอาหาร
วิธีการใช้ :
- แก้ลม ขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นำดอกจันทน์มาบดให้เป็นผงละเอียด ชงกับน้ำดื่มครั้งเดียว วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2-3 วัน
- ใช้เป็นยาสมานลำไส้ แก้กระเพาะและลำไส้ไม่มีแรง หรือขับถ่ายบ่อย ลูกจันทน์เทศ 1 ลูก ผสมกับ ยูเฮีย 5 กรัม บดเป็นผง แล้วใช้รับประทานครั้งละ 1-3 กรัม
ที่มาข้อมูล : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง