ตามรอยพ่อที่“บ้านคา”

                 ชุมชนบ้านคาตั้งอยู่ใน อ.บ้านคา ทางด้านตะวันตกของ จ.ราชบุรี เป็นที่รู้จักถึงความสามารถในการพึ่งพาตัวเองของชาวบ้านที่นี่จากทำการเกษตรปลอดสารพิษด้วยการน้อมนำเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่ชาวชุมชนบ้านคาส่วนใหญ่ทำไร่สับปะรด ปลูกไม้ผลและผักปลอดสารพิษ ทั้งยังร่วมแรงร่วมใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด จนมีผู้สนใจมาศึกษาดูงานตลอดเวลา

                 เมื่อเร็วๆ นี้ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บุญเสริม ขันแก้ว ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยว “ตามรอยพ่ออย่างพอเพียง” เพื่อนำประชาชน มัคคุเทศก์และผู้เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวที่สนใจศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปสัมผัสและเรียนรู้จากชาวบ้านตัวจริงที่น้อมนำปรัชญาแห่งความพอเพียงไปใช้ และประสบความสำเร็จจนทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเริ่มจากชุมชนบ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งสมาชิกชุมชนได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนด้วยความอบอุ่น

                      ไร่แสนชมพู ต.บ้านคา เป็นจุดแรกที่กรมการท่องเที่ยวได้แวะเยือน ปัจจุบันไร่แสนชมพูเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรธรรมชาติผสมผสานแก่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไป ได้ร่วมเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ การปลูกผักปลอดสารพิษ การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ การผลิตสารชีวภัณฑ์ศัตรูพืช

                  "ทางชุมชนบ้านคามีความคิดตรงกันที่อยากเปิดบ้านคาให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรธรรมชาติ” ระดม แสนชมพู เจ้าของไร่แสนชมพูกล่าว พร้อมแนะว่า อยากให้นักท่องเที่ยวแจ้งเรื่องที่อยากศึกษามาก่อนล่วงหน้า เพราะทางชุมชนมีเครือข่ายกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดให้เหมาะกับความตรงการให้ตรงจุด รวมถึงไปเยี่ยมหมู่บ้านทอผ้า การเกี่ยวข้าวบนภูเขา การเยี่ยมชุมชนกะเหรี่ยง หรือกิจกรรมการปลูกป่า  เนื่องจากการท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมแก่เกษตรกรในพื้นที่ แต่สิ่งที่เขาอยากให้นักท่องเที่ยวได้ติดกลับไปจริงๆ คือความรู้และวิธีการที่นำกลับไปใช้งานได้จริง นำไปประกอบอาชีพได้

                  นอกจากนี้ยังมีป่าชุมชนบ้านหนองจอก ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา ซึ่งเป็นอีกชุมชนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจาก “ตามรอยพ่อ อย่างพอเพียง” แวะเยือน และได้ร่วมปลูกป่ากับชาวบ้านด้วย ปัจจุบันชุมชนได้รับผลประโยชน์การช่วยกันดูแลป่าจากการตัดหน่อไม้ ทำรายได้ให้แก่ชาวบ้านปีละกว่าหนึ่งล้านบาท นอกจากนี้ ชาวบ้านยังมีรายได้จากการเก็บเห็ดขายด้วย

                ไม่เพียงเท่านั้นชาวชุมชนยังเห็นโอกาสที่จะพัฒนาป่าชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำเส้นทางศึกษาพรรณไม้ กิจกรรมดูนก ตลอดจนชักชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในฤดูตัดหน่อไม้ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม หรือจะมาร่วมปลูกป่าที่ชุมชนช่วยกันปลูกเพิ่มได้ตลอดทั้งปี

              ชุมชนบ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ก็นับเป็นอีกเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศตามรอยพ่ออย่างพอเพียงที่รอคอยให้ทุกคนไปสัมผัส