สืบสานงานพ่อ : ขยายผล“แกล้งดิน”แก้ดินเปรี้ยว

               นายสุรเดช เตียวตระภูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่มีต่อปวงชนชาวไทย ที่ได้พระราชทานศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส เพื่อเป็นแหล่งศึกษาความรู้เกี่ยวกับด้านการเกษตร วิธีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจนประสบผลสำเร็จ และสามารถใช้ทำการเพาะปลูกได้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงาน

 

 นายสุรเดช เตียวตระกูล

 

               ขอตั้งปณิธานเดินตามรอยพ่อแห่งแผ่นดิน ขอถวายความจงรักภักดี ด้วยการขยายผลการปฏิบัติ “โครงการแกล้งดิน” ทำการแพร่และส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้าน การพัฒนาที่ดิน เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว อย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อให้เกษตรกรทั่วประเทศ ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน ทรัพยากรดินได้รับการอนุรักษ์พื้นฟู ให้อุดมสมบูรณ์ และใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้อย่างดีมีประสิทธิภาพและยั่งยืนตลอดไป

               จากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาและความทุกข์ยากของราษฎร เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินพรุ ดินมีสภาพเปรี้ยวจัดไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้ จึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว

 

 

               โดยทรงแนะนำให้ทำการทดลอง “แกล้งดิน” เป็นวิธีการทำ เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมีในดินเปรี้ยว ให้เปรี้ยวรุนแรงมีความเป็นกรดจัดจนไม่สามารถปลูกพืชได้ จากนั้นจึงทำการปรับปรุงโดยเติมปูนขาวหรือด่าง ร่วมกับใช้ระบบชลประทานควบคุมระดับน้ำใต้ดิน และนำน้ำมาเจือจาง ล้างดินเปรี้ยวจนสามารถเพาะปลูกได้ ทำการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับชนิดของพืชที่ปลูกและเลือกชนิดของพืชที่ปลูกให้เหมาะสม

 

                กรมพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ดำเนินการสนองพระราชดำริด้วยการศึกษาวิจัยและปรับปรุงดินโดยวิธี “แกล้งดิน” จนประสบผลสามารถแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในพื้นที่พรุทำให้เพาะปลูกได้ปลูกข้าว พืชไร่ เช่น ข้าวโพด ผลไม้ เช่น เสาวรส และเลี้ยงปลา เช่น ปลานิล เป็นต้น และได้มีการขยายการปฏิบัติผลการดำเนินงานของโครงการแกล้งดิน มีการนำไปประยุกต์ใช้และถ่ายทอดเทคโนโลยีในพื้นที่ของเกษตรกร ซึ่งมีปัญหาดินเปรี้ยวหลายแห่งและโครงการนำร่องซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริโครงการแรก ได้แก่

 

 

 

               โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัดบริเวณบ้านโคกอิฐ-โคกใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวจากเดิมไร่ละ 5-10 ถัง เป็น 40-50 ถัง ทำให้เกษตรกรพ้นจากความยากจนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและส่งเสริมให้เกษตรกร ในพื้นที่นำไปขยายผลจนทำให้เกษตรกรบริเวณรอบนอกสามารถอยู่ดีกินดีมากขึ้นรวมทั้งยังมีการส่งเสริมอาชีพอย่างอื่นๆ ด้วยการให้รวมกลุ่มทำข้าวซ้อมมือ จัดทำโรงสีชุมชน เลี้ยงแพะ จนชุมชนเกษตรกรมีความเข้มแข็งขึ้นเมื่อได้ผลสำเร็จแล้วจึงนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่น เช่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และโครงการเขื่อนคลองท่าด่าน จ.นครนายก เป็นต้น