ข่าว

"เลี้ยงไส้เดือน-ทำน้ำจุลินทรีย์"อาชีพทำเงินฟาร์ม63

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - สุรัตน์ อัตตะ

                     หนุ่มวิศวะ ผ่านประสบการณ์งานช่างกับบริษัทจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่มาค่อนชีวิต แต่สุดท้ายยอมทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นหันมาเอาดีงานด้านเกษตร ด้วยการเลี้ยงไส้เดือนและเพาะเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สำหรับ "วัชรินทร์ กลิ่นจันทร์แดง” หรือโจ้ เจ้าของฟาร์ม 63 ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังเข้าร่วมอบรมเทคนิคการเพาะเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับ ดร.วินัย ยิ้มแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเชื้อจุลินทรีย์ จึงอำลาชีวิตมนุษย์เงินเดือนมาเอาดีงานด้านการเกษตรอย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นจากดิน

“ดินสำคัญที่สุด การทำเกษตรให้ได้ดีจะต้องเริ่มต้นจากดิน การปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูกจึงเป็นสิ่งจำเป็น” วัชรินทร์ให้มุมมองระหว่างบรรยายสรุปกระบวนการเลี้ยงไส้เดือนและการผลิตจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงแก่คณะสื่อมวลชนตามโครงการอบรมอาชีพเสริม จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

                 วัชรินทร์เปิดเผยว่า หลังลาออกจากงานประจำเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็หันมาสนใจงานด้านเกษตรอย่างจริงจัง โดยตั้งใจอยากจะเลี้ยงไส้เดือน เนื่องจากมองว่าใช้พื้นที่น้อย แต่ให้ผลผลิตดี มีตลาดรองรับชัดเจน อีกทั้งสามารถนำมาแปรรูปและต่อยอดได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่น ทำน้ำหมักมูลไส้เดือน ทำปุ๋ยมูลไส้เดือน หรือนำมูลไส้เดือนมาใส่แปลงพืชผักที่ปลูกไว้ได้อีกทอดหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพาะเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงควบคู่ไปกับเลี้ยงไส้เดือนอีกด้วย

                 “ที่ฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์เอเอฟ (AF) หรือแอฟริกัน ไนท์ คอว์เลอร์ เป็นสายพันธุ์นำเข้า ตอนนี้ราคาอยู่ที่กิโลละ 300-1,000 บาท ส่วนมูลของมันก็จะนำมาแปรรูปเป็นน้ำหมักไส้เดือนและปุ๋ยมูลไส้เดือน ส่วนอีกสายพันธุ์เป็นไส้เดือนขี้คู้ สายพันธุ์ไทย พบได้ทั่วไป ไส้เดือนพันธุ์นี้เหมาะสำหรับพรวนดิน ผลิตผลจากไส้เดือนทั้งสองพันธุ์นี้ คิดว่าในเบื้องต้นน่าจะเพียงพอในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความเหมาะสมในการทำเกษตรแล้ว”

                ไม่เพียงไส้เดือนและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไส้เดือนเท่านั้นที่สร้างรายได้ให้เขา แต่ยังมีผลิตภัณฑ์พีเอสบี (PSB) หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่ผ่านการเพาะเชื้อคุณภาพสูงที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จาก ดร.วินัย ยิ้มแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลินทรีย์มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เด่นที่สร้างรายได้ไม่แพ้กัน

วัชรินทร์ย้ำว่า ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนั้น ถือเป็นตัวช่วยในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีคุณภาพดีและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ที่สำคัญสามารถใช้เป็นหัวเชื้อเติมได้โดยไม่มีวันหมดอายุและสามารถใช้ได้ตลอดไป ไม่เหมือนกับอีเอ็มที่ใช้แล้วหมดไป

                 “อีเอ็มอยู่ในระดับต้น จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงระดับกลาง ถ้าระดับสูงจะเป็นพวกน้ำหมักมูลไส้เดือน ถ้าว่าทำไมเขาไม่เอาจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไปผลิตในเชิงการค้า มันทำไม่ได้ ทำแล้วขาดทุน ซื้อครั้งเดียวสามารถใช้หัวเชื้อเติมน้ำใช้ต่อได้ ไม่เหมือนอีเอ็มใช้ครั้งเดียว ถ้าอยากใช้อีกก็ต้องซื้อใหม่ มันถึงผลิตเพื่อการค้าได้ไง”

                  ปัจจุบันฟาร์ม 63 มีกิจกรรมอยู่ 2 อย่างที่ผลิตเพื่อใช้ในการปรับปรุงบำรุงดิน ประกอบด้วยการเลี้ยงไส้เดือนและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไส้เดือน ได้แก่ น้ำหมักมูลไส้เดือน และปุ๋ยมูลไส้เดือน และการเพาะเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสำหรับการปรับปรุงดินและน้ำให้มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ประโยชน์ อย่างเช่นการนำไปปรับสภาพน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้ง การใส่เพื่อช่วยย่อยสยายของเศษวัสดุจากพืชและสัตว์

                 “ที่ทำไม่ได้คิดเรื่องขาดทุน กำไร แต่ทำด้วยใจรัก ถ้าคิดถึงรายได้ผมคงไม่ลาออกจากงานมาทำตรงนี้หรอก เพราะตัวเองและครอบครัวก็ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องเกษตรมาก่อน มาเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย แต่พอมาอยู่ตรงนี้ก็รู้ว่ามันใช่เลย และคนที่ทำตรงนี้ก็ล้วนจบตรี จบโทวิศวะเยอะมาก ก็คิดว่าเรามาถูกทางแล้ว ตอนนี้เรามีเครือข่ายสมาคมชมเดือน มีการติดต่อประสานงานกันตลอด” วัชรินทร์ย้ำ

                 แนวคิดการเลี้ยงไส้เดือนและทำน้ำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงบำรุงดินอินทรีย์ให้มีคุณภาพของ วัชรินทร์ กลิ่นจันทร์แดง ถือเป็นจุดเริ่มต้นการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่เขายืนยันว่า ดินสำคัญที่สุดหากสนใจอาชีพนี้ สนใจการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้าหรือทำน้ำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง โทร.09-4642-2665 หรือติดตามรายละเอียดได้ในเฟซบุ๊ก/สมาคมชมเดือน วัชรินทร์ยินดีตอบปัญหาทุกข้อสงสัย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ