โดย - นายสวีสอง
“กระเจี๊ยบเขียว” เป็นผักโบราณอีกชนิดที่อยู่คู่ครัวคนไทยมายาวนาน คนยุคพ่อแม่เรานิยมปลูกไว้ตามริมรั้วบ้านเพื่อเอาฝักมาทำอาหาร เชื่อว่าหลายคนคงเคยกิน ปัจจุบันผักชนิดนี้ยังมีขายตามตลาดสด เพราะมีเกษตรกรหลายรายปลูกเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้แต่ละฤดูกาลผลิตไม่น้อย ไม่เฉพาะนำมาทำอาหารเท่านั้น กระเจี๊ยบเขียวยังมีสรรพคุณด้านสมุนไพรหรือทางยามากมายอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
จัดเป็นพืชล้มลุก อายุราว 1 ปี วงศ์ MALVACEAE มีถิ่นกำเนิดแถบแอฟริกาตะวันตก สันนิฐานว่านำเข้ามาในประเทศไทยหลังปี พ.ศ.2416 มีชื่ออื่นๆ กระเจี๊ยบมอญ กระเจี๊ยบ มะเขือมื่น ส้มพม่า มะเขือหวาย มะเขือมอญ มะเขือพม่า มะเขือละโว้ กระต้าด ถั่วเละ กระเจี๊ยบขาว
ต้น - สูงประมาณ 0.5-2.4 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีเขียว แต่บางครั้งก็มีจุดประม่วง ตามลำต้นจะมีขนอ่อนหยาบๆ ปกคลุม
ใบ - ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว คล้ายฝ่ามือเรียงสลับกัน และมีขนหยาบ
ดอก - มีสีเหลือง ที่โคนกลีบด้านในมีสีม่วงออกแดง ออกตามซอกใบ ก้านชูเรณูรวมกันเป็นลักษณะคล้ายหลอด
ฝัก - ทรงรียาว สีเขียว คล้ายนิ้วมือ ตามฝักมีขนอ่อนๆทั่วฝัก มีสันเป็นเหลี่ยมตามยาว 5 เหลี่ยม ฝักอ่อนมีรสชาติหวานกรอบอร่อย ฝักแก่จะมีเนื้อเหนียว
ขยายพันธุ์ - เพาะเมล็ด เติบโตได้ในทุกสภาพพื้นดิน ชอบความชื้นและแสงแดดปานกลาง
ประโยชน์ด้านอาหาร : ลวกจิ้มเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก แกงส้ม แกงใส่ปลาย่าง ยำกระเจี๊ยบ ฯลฯ สุดแต่จะนำไปประยุกต์ คนไม่เคยกินอาจกินได้ยากสักหน่อย เพราะข้างในฝักมียางเมือกๆหุ้มเมล็ดอยู่ แต่กินบ่อยๆจะอร่อยไปเอง คนสมัยก่อนนิยมเอาไป ต้ม หรือต้มราดกะทิสดกินกับน้ำพริกกะปิ ปลาทู ให้รสชาติดีมากๆ
สรรพคุณทางยา : ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักเจี๊ยบมีสารเมือกพวกเพ็กติน(Pectin) และกัม (Gum) ที่มีคุณสมบัติช่วยเคลือบแผลในกระเพาะฯ ,ลดความดัน,เป็นยาบำรุง,เป็นยาระบาย,แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด,บำรุงกระดูก,ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย,มะเร็งกระเพาะอาหาร,มะเร็งลำไส้ใหญ่,ช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมันในเลือ
วิธีการใช้ : แก้พยาธิตัวจี๊ด - นำผลกระเจี๊ยบเขียวที่ยังอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ต้มหรือย่างไฟให้สุก จิ้มกับน้ำพริก หรือทำแกงส้ม แกงเลียง กินวันละ 3 เวลาทุกวัน โดยจะกินเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยวันละ 4-5 ผล ติดต่อกัน 15 วัน หรือบางคนต้องกินเป็นเดือนจึงจะหาย หรือไม่ใช้รากต้มน้ำดื่มกินเป็นประจำ
รักษาโรคกระเพาะ - ใช้ฝักอ่อนกะเจี๊ยบเขียวหั่นตากแดดบดให้ละเอียด กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาละลายในน้ำ นม น้ำผลไม้ หรืออาหารอ่อนๆ กินวันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร (เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียวๆ)
บำรุงข้อกระดูก - ผลกระเจี๊ยบเขียว 3 ผล กินสดหรือต้มกับหอมแดง 1 หัว บำรุงร่างกายและเพิ่มความยืดหยุ่นในกระดูกโดยเชื่อว่าเมือกในกระเจี๊ยบจะช่วยได้
แก้ปวดท้อง - ใช้รากฝนกับน้ำธรรมดากิน
จากข้อมูลของวิสาหกิจชุมชนสนามจันทร์ซึ่งแปรรูปกระเจี๊ยบเขียว ให้ข้อมูลว่า :
- รับประทาน ฝักกระเจี๊ยบ 10 -15 ฝัก ตอนเย็นหรือก่อนนอนลดอาการท้องผูก
- รับประทาน 3-5 ฝัก ก่อนอาหาร ทุกวันรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- รับประทาน 10-15 ฝัก ทุกวัน สามารถบำรุงตับ
- รับประทาน 5 ฝัก ก่อนอาหาร 3 มื้อ ติดต่อกันทุกวันกำจัดพยาธิตัวจี๊ด
- รับประทาน 30 -40 ฝัก ตอนเย็นหรือก่อนนอน ดีท็อกซ์ลำไส้ ขับสารพิษ อุจจาระตกค้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง