“ปลูก-แปรรูป”ข้าวไรซ์เบอรี่ ผลสำเร็จ “ฟองแก้ว อังอิจฉะริยะ”

            การเรียนรู้การทำเกษตรแบบผสมผสาน การปลูกข้าวแบบตีตาราง ข้าวนาโยนที่มูลนิธิศูนย์กสิกรรมมาบเอื้อง ทำให้ “ฟองแก้ว อังอิจฉะริยะ” กลับบ้านเกิด อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น เป็นเกษตรกรเต็มตัว ยึดแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ด้วยปลูก-แปรรูปข้าวไรซ์เบอรี่ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองได้อย่างภาคภูมิ

          “เริ่มสนใจปลูกข้าวอินทรีย์ จึงเปิดหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตพบว่าที่มูลนิธิมาบเอื้องสอนเกษตรอินทรีย์ จึงใช้เวลาช่วงวันหยุดจากงานประจำไปเรียนรู้ทำความเข้าใจในการทำเกษตรปลอดภัย เพราะตั้งใจที่จะปลูกข้าวกินเอง ปี 56 จึงตัดสินใจกลับบ้าน พร้อมทำนาอินทรีย์ ระยะแรกแทบไม่ได้ผลผลิต เพราะทุกเรื่องต้องเรียนรู้ใหม่หมด ระหว่างนี้จะใช้เวลาว่างตระเวนศึกษาดูงานทำความรู้จักกับกลุ่มอาชีพ จนมาลงตัวที่ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ เพราะตลาดต้องการที่สำคัญคือปลูกไว้กินเองในครอบครัว”

 

 

          บนที่ดินกว่า 10 ไร่ ภายใต้ชื่อไร่มีคุณ ฟองแก้วเธอปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ โดยวิธีปลูกแบบต้นเดียวที่ได้เรียนรู้มาจากมูลนิธิมาบเอื้อง เพราะควบคุมวัชพืชได้ง่าย ข้าวมีระยะห่างได้น้ำอากาศไม่แย่งกัน ปีแรกได้ผลผลิต 100 กระสอบ แบ่งไว้บริโภคในครอบครัว ส่วนหนึ่งแจกจ่ายและขายให้กับผู้สนใจ ซึ่งได้รับการตอบรับ มีการจองสั่งซื้อในฤดูกาลผลิตถัดไป

         “ทำให้เข้าใจกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ผลตอบรับในปีแรกเป็นที่น่าพอใจ มีลูกค้าสั่งจองข้าวกันข้ามปี ปีต่อมาจึงนำข้าว 5 สี มีทั้งข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวเหนียว กข. 6 ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิแดงมาปลูก เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย ศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ตั้งแต่ผลิต แปรรูป ออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อไม่ต้องเจอปัญหาการแข่งขันการขายข้าวกับกลุ่มอื่นๆ”

 

 

           จากข้าวไรซ์เบอรี่และข้าว 5 สี ฟองแก้วนำมาแปรรูปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั้ง สบู่ แชมพู ครีมนวดผม สร้างความโดดเด่นและแตกต่างด้วยการใช้ข้าวอินทรีย์ที่ปลูกเองมาแปรรูป นำไปเปิดตัววางขายทั้งงานแสดงสินค้า ขายผ่านออนไลน์ รวมถึงร้านเพื่อสุขภาพในจังหวัดขอนแก่นด้วย

          “ตอนนี้ขายข้าวเม็ดน้อยลง เน้นการแปรรูปมากขึ้น มีเสียงตอบรับจากลูกค้าเพราะเชื่อว่าผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพ เราพยายามทำนาเอง เป็นชาวนารุ่นใหม่ที่คิดต่างจากรุ่นพ่อแม่ แต่ไม่ทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษ เรานำมาต่อยอดวางแผนการปลูก ทั้งการจดบันทึก กำหนดช่วงเวลาการปลูก วางเป้าหมายการผลิต รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่อินเทรน์เข้ากับยุคสมัย ทำให้เป็นระบบ จะทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้ชัดเจนแม่นยำ มีผลผลิตที่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์วางขายได้ตลอดทั้งปี”

 

 

           ในอนาคตฟองแก้วเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้หลากหลายขึ้น นำสรรพคุณของสมุนไพร พืชผักสวนครัวทั้งข่า กระเพรา โหระพา มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพิ่มมูลค่าให้สมุนไพรไทย พร้อมวางแผนการตลาดขายในประเทศอาเซียนด้วย สำหรับผู้สนใจผลิตภัณฑ์เลือกซื้อหาไปใช้ ติดต่อได้ที่ ฟองแก้ว อังอัจฉะริยะ 53 ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น โทรศัพท์ 086-819-4448 หรือ ทางเฟสบุ๊คที่ Nakhun Ang