ข่าว

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - โต๊ะข่าวเกษตร

           “กบ”เป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน ทั้งเลี้ยงเพื่อไว้กินเองในครอบครัว เหลือก็จำหน่ายจ่ายแจกให้เพื่อนบ้าน เป็นรายได้เสริมเล็กๆน้อย หรือเลี้ยงแบบเชิงพาณิชย์ ก็ว่ากันไป ที่แน่ๆ เพราะมันเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ใช้เวลาน้อย พื้นที่น้อย ลงทุนน้อย ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก และขายได้ราคาคุ้มการลงทุน

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

           

          อย่างยิ่งช่วง 4-5  ปีที่ผ่านมา ความต้องการสินค้า"กบ"ของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนเปิดกว้างมากขึ้น การเลี้ยงกบจึงเป็นที่สนใจของเกษตรกรทั้งมือเก่า มือใหม่ ทุนน้อย ทุนหนัก ไม่น้อย และ "กบนา" เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความสนใจเลี้ยงแบบสุดๆ เพราะมีเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย สะอาด ขายได้ราคาดี ทีนี้มาดูรูปแบบการเลี้ยงปัจจุบัน ที่นิยมเลี้ยงใน 4 ลักษณะ

           1.เลี้ยงในบ่อดิน ใช้พื้นที่ 100-200 ตรม. บ่อลึก 1 ม.บางแห่งอาจทำเกาะกลางบ่อ เพื่อเป็นที่พักของกบ ให้อาหาร ส่วนพื้นที่รอบๆ ขอบบ่อภายในล้อมด้วยอวนในล่อนสูง 1 ม. ปล่อยให้หญ้าขึ้นเพื่อให้กบใช้เป็นที่หลบอาศัย ด้านล่างใช้กระเบื้อง หรือสังกะสีฝังลึกลงดิน 50 ชม. เพื่อป้องกันศัตรู เช่น หนูขุดรูเข้าไปกินลูกกบ ให้ปล่อยลูกกบลงเลี้ยงราว 3 หมื่นตัว/บ่อ (100 ตรม.)

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

          

          การเลี้ยงแบบนี้ข้อดีคือ จัดการง่าย ต้นทุนต่ำ ผลผลิตต่อพื้นที่สูง แต่มีข้อจำกัด คือเลี้ยงแบบหนาแน่น สภาพในบ่อไม่ค่อยสะอาด เพราะมีของเสียตกค้าง ผลผลิตของกบที่ได้จะนำจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่

           2.เลี้ยงในคอก สามารถจับกบได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะจับหมดทั้งคอกหรือจำหน่ายปลีก โดยมีกระบะไม้และทำเป็นช่องเข้าออกด้านตรงกันข้ามวางอยู่หลายอันบนพื้นดินภายในคอก ซึ่งกบจะเข้าไปอาศัยอยู่ เมื่อถึงเวลาจับก็ใช้กระสอบเปิดปากไว้ที่ช่องด้านหนึ่งแล้วใช้มือล้วงเข้าไปในช่องด้านตรงข้าม กบจะหนีออกอีกช่องทางที่มีปากกระสอบรอรับอยู่ วิธีนี้สะดวก กบไม่ตกใจและไม่บอบช้ำ ทว่า เหมาะจะเลี้ยงเพื่อเป็นรายได้เสริม เพราะค่อนข้างยุ่งยากในการดูแล

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

 

           3.เลี้ยงในกระชัง กระชังที่ใช้เลี้ยงเกษตรกรนิยมใช้อวนในล่อนเพราะต้นทุนถูก ขนาดที่นิยมกว้าง 5 ม. ยาว 4 ม. สูง 1.5 ม. จะแขวนอยู่ในบ่อดิน ขนาด 1-3 ไร่ หรือ แหล่งน้ำต่างๆโดยจะแขวนกระชังจมอยู่ในน้ำ 50 ซม.จากนั้นใส่แผ่นโฟมให้กบขึ้นมาอาศัยและวางถาดอาหาร หากมีปัญหามีนกมากินลูกกบ ต้องทำฝาปิดกระชัง อัตราปล่อยลูกกบที่ 50-100 ตัว/ตรม.

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

 

            การเลี้ยงแบบนี้มีข้อดี คือ ได้ผลผลิตกบที่มีคุณภาพ ส่งออกได้ แต่ก็มีข้อจำกัด คือต้นทุนการจัดการจะสูงเนื่องจาก ต้องใช้แรงงานในการดูแลมากกว่าการเลี้ยงกบในบ่อดิน

           4.เลี้ยงในบ่อซีเมนต์ เกษตรกรนิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เพราะดูแลรักษาง่าย ควบคุมคุณภาพของกบได้ โดยมีการพัฒนารูปแบบให้ทำความสะอาดได้สะดวกมากขึ้น เช่น ปูพื้นบ่อด้วยกระเบื้องผิวเรียบ ทำให้มีการสะสมของเชื้อโรคที่พื้นบ่อน้อยลง

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

 

           ขนาดบ่อที่เกษตรกรนิยม คือกว้าง 3-4 ม.ยาว 4-5 ม. สูง 1.2 ม.ที่นิยมมีอยู่ 2 แบบ คือบ่อพื้นลาดเอียง 25 องศา เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี และบ่อแบบมีเกาะกลาง โดยตัวเกาะห่างจากผนัง 50-70 ซม. และควรขัดผิวให้มันเพื่อให้กบขึ้นมาพักผึ่งแดด และเป็นที่วางถาดอาหาร แต่แบบนี้จะทำความสะอาดยากกว่าแบบแรก

            อย่างไรก็ตาม ในการเลี้ยงกบจำเป็นต้องคอยคัดขนาดของกบให้มีขนาดเท่ากันลงเลี้ยงในบ่อเดียวกัน มิฉะนั้น กบใหญ่จะรังแกกบเล็ก ซึ่งจะทำให้ต้องตายทั้งคู่ ทั้งตัวที่ถูกกินและตัวที่กิน อีกทั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพของอาหาร หรือเลือกใช้วัสดุอาหารที่ใช้เลี้ยงกบแล้วกบโตเร็ว มีต้นทุนต่ำ มีผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการประมง หลายแนวทาง ดังนี้

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

    

            1.การใช้น้ำมันปลาเสริมในอาหารเม็ดสำเร็จรูป
            2. การใช้โปรตีนข้าวโพดทดแทนปลาป่นในการเลี้ยง
            3.การเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ที่เกิดจากส่วนประกอบ ปลาป่น 35% กากถั่วเหลืองป่น 9.5%ปลายข้าว25% รำละเอียด 6 % สารเหนียว 6% น้ำมันถั่วเหลือง 1% น้ำมันปลาทะเล2% น้ำมันปาล์ม 2.5% ยีสต์ (Saccharomyces cerevisiae) 4% วิตามินและแร่ธาตุรวม2 %วิตามินซี 0.1% แกลบบดละเอียด 6.9 %

            นอกจากเกษตรกรมีความรู้ด้านการเลี้ยงกบแล้ว ยังต้องมีความรู้ด้านการจัดการฟาร์มด้วย เพราะหากมีการจัดการฟาร์มที่ดี การเลี้ยงก็จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการเลี้ยงกบจะใช้เวลาเลี้ยง 2 เดือนครึ่งถึง 3 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่สั้น การจัดการจะต้องรอบคอบ

 

"เลี้ยงกบ(นา)"อาชีพทำเงิน ไม่ธรรมดา!!

            อีกประการคือ ความสะอาดของบ่อ และน้ำที่ใช้เลี้ยง เพราะมีผลต่อสุขภาพและการเติบโตของกบ โดยต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกๆวัน เช้า-เย็น ยิ่งวันไหนมีฝนตกต้องรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำทันที เนื่องจากน้ำในบ่อจะมีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งจะทำให้กบเป็นแผลตามลำตัวได้ง่าย

           อย่างไรก็ตาม สนใจเรื่องราวการเลี้ยงกบ (นา) ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปได้ใน www.fisheries.go.th

 

          แหล่งที่มา : กรมประมง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ