Lifestyle

เรื่องเล่าใน Line @phanmaba

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สัปดาห์นี้มีอะไร?  โดย...  อิสรีอิน 



 

          0​...นับแต่งานฉลองครบรอบ 30 ปีพันธุ์หมาบ้า เจ้าสำนักหอน ชาติ กอบจิตติ ถือฤกษ์ยกขบวน ‘หลากหลายผองเพื่อนล้วนพันธุ์เดียว’​ สู่ Line@phanmaba อีกช่องทางการสื่อสารยุคโซเชียลมีเดียอย่างเต็มรูปแบบ

 


          0‘...ไลน์แอดนี้เปิดขึ้นมาเพื่อประชาสัมพันธ์และขายสินค้าของแบรนด์ PhanMaBa เป็นหลัก ส่วนหลักรองจะได้อ่านข้อเขียนของผม เล่าเรื่องต่างๆ ให้ได้ฟังกันทุกๆ อาทิตย์ ช่วยบอกเพื่อนๆ ให้มาติดตามกันที่ Line @phanmaba ด้วยครับ...’ น้าชาติของนักอ่านเปิดเรื่องทักทายเมื่อ 1 ธันวาคม 2561 ก่อนงาน 30 ปี พันธุ์หมาบ้า ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นขึ้นไม่กี่ชั่วโมง และนับจากนั้นแฟนนักอ่านก็ได้อ่านเรื่องราวต่างๆ เรื่อยมา

 

 

 

เรื่องเล่าใน Line @phanmaba

 


          0​หนึ่งในนั้นคือ ‘​เรื่องเล่าแบรนด์ (ของผม)’ โพสต์ให้อ่านกันเป็นตอนๆ ‘อิสรีอิน’ ​ขออนุญาตนำเนื้อหาบางส่วนมาเผยแพร่จากตอนที่ 3 หัวข้อ ‘ล้มแล้ว ใช่ว่าจะล้มอีกไม่ได้’​ ซึ่งเล่าถึงการก่อร่างสร้างแบรนด์ยุคแรกที่ไม่ได้ง่ายเลย


          0 '.... ตอนเลิกบริษัทไม่ทราบว่าบริษัททั่วๆ ไปเขาทำแบบไหน ผมไม่ทราบ แต่พวกเราทำแบบนี้ คือแบ่งสมบัติกัน...


          0...คงเป็นเรื่องปกติเหมือนผัวเมียเลิกกัน ก็แบ่งสมบัติกัน ตกลงกันได้แต่โดยดีก็ดีไป ตกลงกันไม่ได้ก็ร้องศาลเป็นความกันไปตามที่เราเห็น

 

 

 

เรื่องเล่าใน Line @phanmaba

 


          0.... ที่บริษัทของผมก็เช่น สมบัติเครื่องใช้ในสำนักงาน ใครจะใช้อะไรก็แบ่งเอาไป (ตามสัดส่วนของเงินลงทุน) ส่วนเสื้อผ้าคงแบ่งเอาไปใช้กันไม่ได้ เพราะในสต็อกยังเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จะแบ่งกันเอาไปใส่ คงใช้เวลาอีกสามสี่ชาติจึงจะใส่กันหมด ซึ่งเป็นเรื่องเกินความจำเป็น และเป็นเรื่องอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ ชาติหน้าอาจจะไปเกิดเป็นควาย


          0 .... ตกลงกันขั้นแรกว่าจะไปขายให้ร้านแถวประตูน้ำถูกๆ เพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน... ผมมาคิดดู ถ้านำเสื้อผ้าของแบรนด์ไปขายเลหลังเราจะไม่ได้ราคาเพราะเขาต้องกดราคาเราแน่ เพราะรู้ว่าเราเลิกกิจการแล้วคงร้อนเงิน เขาก็คงกดเอาจนสาใจ และสมมุติว่าเราขายไปแล้ว เขาก็ต้องนำไปขายต่อเพื่อทำกำไรกับการลงทุนของเขา ราคาขายที่เขานำไปเทขายก็คงต่ำมาก เพราะเขาซื้อมาถูก (ชั่งกิโล) ค่าของแบรนด์ ภาพพจน์ของแบรนด์ก็จะไม่มีอะไรเหลือ


          0.... เสื้อผ้าแบรนด์เราลงไปวางขายแบกับดิน บนทางเท้า ลูกค้าของเราจะเหลือความภูมิใจอะไรเล่า ?

 

 

 

เรื่องเล่าใน Line @phanmaba

 


          0... ถ้าผมปล่อยให้การแบ่งสมบัติเป็นไปตามนี้คงเป็นเรื่องยาก ถ้าผมจะเอาแบรนด์มาทำเอง เพราะผมจะต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า กว่าจะกู้ชื่อเสียงแบรนด์จากเลหลังข้างถนนให้มีชื่อกลับขึ้นมาได้ คิดดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าปล่อยไปตามนี้มองเป็นอื่นไม่ได้เลย ผลลัพธ์มีอยู่อย่างเดียวคือแบรนด์ตายไปพร้อมกับบริษัท


          0...ผมตัดสินใจลงทุนอีกครั้งด้วยการซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดมาเป็นของผมในราคาที่ทุกคนพอใจ ได้ราคาดีกว่าขายให้ที่ประตูน้ำ ไม่เหตุผลใดที่จะไม่ขายให้ผม เพราะได้ราคาดีกว่าเยอะ


          0..ผมรู้ว่าผมต้องเสียเงินไปอีก (มากกว่าปกติ) แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเลือดออกในปากเราจำเป็นต้องกลืน จะไปโวยวายอะไรกันให้อายเขา ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น


          0...เมื่อแบ่งสมบัติกันเรียบร้อย จดทะเบียนเลิกบริษัทแล้ว ดูเรื่องภาษีให้เรียบร้อยว่าจะไม่มีผลภายหน้ากับทุกคน ก็โบกมือลากัน... ปิดฉากการล้มครั้งแรกของผม


          0...การปิดบริษัทครั้งนี้ให้บทเรียนผมอยู่สองอย่าง อย่างแรก รอยเจิมแป้งที่พระเจิมให้ไว้ในบริษัทคุ้มครองบริษัทไม่ให้เจ๊งไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำ และเราไม่เก่งพอ ไม่ว่าเกจิอาจารย์ดังที่ไหนก็ช่วยเราไม่ได้ ผมไม่ได้พูดเพ้อเจ้อใส่ร้ายใคร ดูได้จากบริษัทผมเป็นตัวอย่าง รอยเจิมแป้งช่วยไม่ได้จริงๆ


          0...อย่างที่สอง การที่เราลงมือทำอะไรสักอย่าง เราจำเป็น (อย่างยิ่ง) ที่จะต้องหาความรู้ในสิ่งที่เราทำให้ทะลุปรุโปร่ง ในข้อนี้เป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมทำเสื้อผ้าขาย แต่ผมไม่เคยศึกษาในสิ่งที่ทำ ไม่เคยขอเข้าไปดูโรงงานผลิต ไม่รู้ด้วยว่าโรงงานที่รับผลิตเสื้อผ้าให้เรานั้นอยู่ที่ไหน เราย้อมเสื้อผ้าที่โรงงานไหน ไม่เคยรู้ว่าเราใช้ด้ายเบอร์อะไรในการทอผ้า ผมถือว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง เพราะหน้าที่นี้เป็นของน้อง (คนที่มาชวน) จึงให้น้องรับผิดชอบไป ไม่เคยคิดสนใจที่จะไปดู


          0...นี่เป็นเรื่องพลาดฉกรรจ์ของผม ต้นเหตุมาจากความไว้วางใจ เราจึงไม่มีความรู้อะไรติดตัวเลยในเรื่องที่เราทำ (ธุรกิจ) เสียเงิน เสียเวลา แต่ไม่ได้ความรู้ติดตัวมาเลย หญ้าติดมือมาก็ไม่มี เลวจริงมึง


          0..แต่ช่างมันเถอะ จบไปแล้ว เรื่องมันแล้วไปแล้ว คิดถึงมันก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บช้ำเปล่าๆ ซึ่งไม่ก่อประโยชน์แก่ตัวเอง สิ่งที่พอจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างในตอนนี้ก็คือ นำมาเตือนให้พวกเราได้อ่านกัน


          0...ผมได้สมบัติติดตัวมา มีคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง โต๊ะทำงานสองตัว พร้อมเก้าอี้ มีถุงใส่เสื้อผ้ามาอีกจำนวนหนึ่ง


          0...ถ้ามองตามสมบัติที่แบ่งกันมานั้น พวกเราก็คงรู้ มันไม่ได้มีค่าอะไร เพราะอยากได้ของดีๆ ใช้ จะซื้อแพงๆ อย่างไรก็ได้ ของแค่นี้คงไม่ถึงล้านบาท แต่ผมกลับคิดว่าสิ่งที่ได้มานั้น มีมูลค่าอยู่มากพอสมควร เพียงแต่มันยังไม่ใช่ตัวเงินในวันนี้


          0...และผมสรุปกับตัวเองได้ว่า ในเวลาหกปี และจำนวนเงินที่เสียไปนั้น ผมไม่ได้ขาดทุนอะไรเลย เผลอๆ อาจจะมีกำไรด้วยซ้ำไป หน้าที่ของผมต่อจากนี้คือ อดทน หาความรู้ใส่ตัว และต้องทำให้มันปรากฏขึ้นในวันข้างหน้าให้ได้ เท่านั้นเอง ....'


          0...เป็นจุดเปลี่ยนครั้ง​สำคัญก่อนเข้าสู่แบรนด์ Phanmaba ยุคใหม่ที่มากด้วยไอเดียสร้างสรรค์ไม่เฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้น


          0...​ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ Line@phanmaba และ Facebook :PhanMaBa หรือ https://www.phanmaba.com

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ