Lifestyle

"แจ๊สสยาม" ต้องลุ้น "งู" จะได้ฉายมั้ย?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แจ๊สสยาม" ต้องลุ้น "งู" จะได้ฉายมั้ย? : คอลัมน์...  มายาประเทศ  โดย... นิตี้ fb/nitylive


 

          คนดูหนังวัยเก๋าอายุใกล้แซยิด คงรู้จักชื่อ “แจ๊สสยาม” ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง “คนทรงเจ้า” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ

 


          “แจ๊สสยาม” ชื่อจริงว่า กฤษฏ์ บุณประพฤทธิ์ วัย 76 ปี ทำหนังเรื่องแรก “สี่อันตราย” แม้จะไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้มากนัก แต่ผลจากความทุ่มเทอย่างเต็มที่ในหนังเรื่องแรกส่งผลให้ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในบรรดาผู้สร้างหนังไทย จนสุดท้ายจึงได้รับการทาบทามจาก “เกียรติ เอี่ยมพึ่งพร” ให้เข้ามาสังกัดอยู่ในค่ายไฟว์สตาร์

 

"แจ๊สสยาม" ต้องลุ้น "งู" จะได้ฉายมั้ย?

 


          แจ๊สสยามนับเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของค่าย ด้วยผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย เช่น ดอกโสนบานเช้า (2521) อารีดัง (2522) รักพยาบาท (2523) สายสวาทยังไม่สิ้น (2524) กตัญญูประกาศิต (2525) กัลปังหา (2526) สองพี่น้อง (2526) แรงหึง (2527) คนทรงเจ้า (2532) คือฉัน (2533) เป็นต้น ซึ่งผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว (2538)


          นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนนักแสดงหน้าใหม่หลายคน ให้ก้าวขึ้นมาเป็นดารายอดนิยมในเวลาต่อมา อาทิ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, สินจัย เปล่งพานิช, จินตหรา สุขพัฒน์ เป็นต้น (ข้อมูล-เว็บหอภาพยนตร์ www.fapot.org)


          การกลับมาอีกของ “แจ๊สสยาม” ในรอบ 20 ปี ท่ามกลางกระแสดิจิทัล ดิสรัปชั่น ที่ส่งผลให้การการสร้างภาพยนตร์แม้จะเป็นผู้กำกับมีชื่อ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะดิวกับค่ายให้ลงตัว ความไม่ลงตัวหลายอย่างทำให้ต้องลงทุนทำหนังที่อยากนำเสนอในมุมมองของตัวเอง


          “แจ๊สสยาม” รับเชิญ รศ.บรรจง โกศัยวัฒน์ ผู้กำกับชั้นครูให้มาบอกเล่าเก้าสิบเกี่ยวกับการทำหนังจากอดีตจนถึงปัจจุบันแก่นักศึกษาปริญญาโท สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล ม.เกษมบัณฑิต มารวมตัวกันปฐมนิเทศให้รุ่น 13 ที่ “สบายดีอัมพวา”

 

"แจ๊สสยาม" ต้องลุ้น "งู" จะได้ฉายมั้ย?

 


          ซึ่งบ่ายวันนั้นต้องรีบไปงานพระราชทานเพลิงศพ “ดอกดิน กัญญามาลย์” ผู้กำกับชื่อดังผู้ล่วงลับ “อาแจ๊สฯ” บอกว่า ที่หยิบเอานวนิยายเรื่อง “งู” ของนักเขียนซีไรต์ “วิมล ไทรนิ่มนวล” มาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะชอบมาตั้งแต่แรก ก่อนทำหนังเรื่อง “คนทรงเจ้า” เพียงแต่สมัยนั้น นวนิยายเรื่องงูเป็นอะไรที่สังคมยังไม่พร้อมเปิดรับ แต่สมัยนี้น่าจะไม่เป็นไร แต่ไม่รู้ว่าตรวจหนังจะให้ผ่านไหม คิดว่าน่าจะผ่าน เพราะไม่มีให้เห็นพระเสพสังวาส แต่ก็มีให้ตีความ และมีปัญหาไม่ผ่านก็จะเอาไปฉายต่างประเทศแทน


          หนังเรื่องงูตัดต่อเรียบร้อยแล้วจาก 3 ชั่วโมงตัดเหลือประมาณ 2 ชั่วโมง กำลังทำเพลงและดนตรีประกอบ “น้ำตัดไปเยอะเหลือแต่เนื้อๆ แล้ว ถ้าตัดออกอีกก็ไม่ไหว” ผู้กำกับวัยเก๋าเผย


          ส่วนนักแสดงใช้นักแสดงไม่มีชื่อได้พระเอกเป็นคนหาดใหญ่ ตัวร้ายคนมุกดาหาร คนที่แสดงเป็นพระจากโคราช


          “ลงทุนน้อย ต้องกัดฟันทำเอง มีทีมเยอะต้องเสียเงินทั้งนั้น ผมทำเองหมดยอมเหนื่อย ถือว่าเราอยากทำแต่มีเงินไม่มาก คนที่เป็นงานเขาไม่มาทำ เขาทำกับโปรดักชั่นใหญ่ จึงเอาแต่คนที่พอเป็นงานทำงานแบบเหมาจ่าย”


          ขณะเดียวกัน มองเรื่องผู้กำกับภาพยนตร์เป็นหนี้จากการทำหนังว่า


          “สมัยก่อนคนทำหนังเยอะ หาเงินทำหนังก่อนแล้วไปขายสายหนัง ทางเหนือ-อีสาน-ใต้ ถ้าหนังดังก็ขายได้ ราคาดีก็ดีไป แต่ขายไม่ได้ก็เป็นหนี้สิน ปัจจุบันมีโรงหนัง 2 ค่าย ไม่เหมือนในอดีตต้องเสียค่าโรง 2.4 หมื่นบาท คนมาดูหนังจ่ายค่าตั๋ว โรงหนังได้ 60% คนทำได้แค่ 40% ไม่ใช่เรื่องดีนัก และคนทำหนังรุ่นใหม่อาจใช้ทุนของตัวเอง ไปหาโรงฉายหนังต้องจ่าย 2.4 หมื่นบาทก่อน หนังไม่มีคนดูไม่กี่วันก็โดนถอดออกซึ่งถือเป็นความเสี่ยงขาดทุน”


          อย่างไรก็ตาม “แจ๊สสยาม” ให้กำลังใจคนทำหนังไทยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่มีใจในการทำหนัง ให้ต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยง แต่ยังเชื่อว่า “ภาพยนตร์” ยังไม่ล้มหายตายจากไป จะยังอยู่คู่สังคมไทยไป

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ