วิบากชีวิตบทเรียน "นักร้อง"เจอทุกวิถีทาง? 

 

          3-4 ปีที่แล้วเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” ได้รับความนิยมทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นปรากฏการณ์เพลงอินดี้ ที่มาจากยูทูบ และเฟซบุ๊ก 

 

          จากนั้นก็เกิดกระแสแห่เพลงอินดี้อีสานทั่วบ้านทั่วเมือง มีนักร้องหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพราะกระบวนการผลิตเพลงและโปรโมทเพลงทำได้ง่าย ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องพึ่งค่าย ไม่ต้องอาศัยดีเจวิทยุเปิดเพลง

 

 

          คำว่าอินดี้ มิได้หมายความว่า นักร้องคนนั้นลงทุนทำเองทุกอย่าง และว่ากันตามจริงนักร้องที่ได้ฉายาอินดี้อีสานนั้น สังกัดค่ายทุกคน เพียงแต่ค่ายเพลงเหล่านั้นเป็นค่ายเล็กๆ

          ยุคสมัยสื่อดิจิทัลได้เอื้อต่อการทำงานของค่ายเล็กเพราะไม่ต้องใช้เงินทุนร้อยล้านไป “ซื้อสื่อโฆษณา” เหมือนค่ายใหญ่ทำในอดีต 

 

          เฟซบุ๊กและยูทูบเป็นอาวุธสำคัญของค่ายเล็ก แถมมียอดวิวสูง ค่ายเพลงก็มีรายได้จากยูทูบ นอกจากงานโชว์ที่มีแทบทุกคืน 

          พักหลังค่ายอินดี้บางแห่งใช้นโยบาย “คัฟเวอร์เพลง” ลงยูทูบ เพื่อเรียกยอดวิว และหารายได้เข้าค่ายจากยูทูบ ฉะนั้นเพลงดังเพลงหนึ่ง นักร้องในค่ายร้องคัฟเวอร์หมด 

          โรคระบาดคัฟเวอร์เพลง ประกอบกับการสร้างเพลงของหลายๆ ค่าย ก็ร้อยเนื้อทำนองเดียว คำร้องไม่แปลกใหม่ ดนตรีก็ลอกกันไปมา ส่งผลให้แฟนเพลงเริ่มเบื่ออินดี้อีสาน

          แถมยังมีเรื่อง “ส่วนตัว” ของนักร้องให้ฉาวโฉ่อีก ทั้งเรื่องผู้หญิง และงานการแสดง

          ล่าสุดกรณี “แซ็ค ชุมแพ” กับ “มินดา มีทรัพย์สิน” ฝ่ายหญิงออกมาโวยเรื่องความสัมพันธ์สวาทและถูกทิ้ง ฝ่ายนักร้องก็ตั้งโต๊ะแถลงว่าไม่ได้ทำให้ใครท้อง แถมกล่าวหาฝ่ายหญิงเรียกค่าเสียเวลาคบกัน 2.2 ล้านบาท

          เรื่องยังนุงนังไม่จบ เพราะฝ่ายหญิงให้ข่าวต่อสื่อต่อเนื่อง ข้างฝ่ายชายก็ใช้วิธีเงียบ

          ก่อนหน้านั้นประมาณเดือนเมษายน ผู้จัดคอนเสิร์ตในประเทศโซนยุโรป แจ้งความลงบันทึกประจำวันกรณี “ก้อง ห้วยไร่” ไม่เดินทางไปร้องเพลงในยุโรปตามที่ตกลงว่าจ้างกันไว้ แต่ฝ่ายนักร้องดังปฏิเสธไม่ได้เบี้ยวงาน เพียงแต่การประสานงานเกิดปัญหา มีความเข้าใจผิดกัน
จะว่าไปแล้วสองเรื่องที่ยกมาพูดถึงข้างต้นนี้เป็น “วิถี” ที่คนดังต้องเผชิญ

          “แซ็ค ชุมแพ” มีโอกาสทำเพลง “คำแพง” กับค่ายต้นไม้มิวสิค เมื่อมีจำนวนผู้ชมมากกว่า 200 ล้านวิวภายใน 6 เดือน เพลงคำแพง ก็นำพาแซ็ค ชุมแพ กลายเป็นนักร้องแถวหน้าอีสานอินดี้ เหมือนนักร้องรุ่นพี่อย่างก้อง ห้วยไร่ และเบิ้ล ปทุมราช

          กรณีของ “ก้อง ห้วยไร่” ไม่ได้แจ้งเกิดเพียงลำพัง แต่มีค่ายซาวด์มีแฮง เรคคอร์ด ที่เขากับนายทุนคนหนึ่งร่วมกันลงขันปั่นซิงเกิลแรก “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” จนติดลมบนยูทูบ

          เมื่อวิเคราะห์เพลงไสว่าบ่ถิ่มกันจริงๆ จังๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการเพลง หากแต่ก่อนหน้านี้มีนักร้องลูกทุ่งหมอลำร้องเพลงแนวคำร้องภาษาอีสานล้วนๆ เพียงแต่ “สำเนียง” และ “เสียงดนตรี” ไม่สะดุดหู และโดนใจเด็กวัยรุ่น

          ตรงกันข้าม ก้อง ห้วยไร่ ได้ใช้วิธีการแบบเพลงสตริง ผสมผสานกับเนื้อหาลูกทุ่งอีสาน เลยทำให้เพลงดังแบบเหลือเชื่อ

          ส่วน “เบิ้ล ปทุมราช” เป็นหนุ่มนักฝันอีกรายที่ใช้เฟซบุ๊กสร้างงานเพลงไว้มากมาย และมีชื่อเสียงในโลกโซเชียล ก่อนที่ค่ายใหญ่อย่างอาร์สยาม จะดึงตัวมาอยู่ในสังกัด โดยซิงเกิลแรก “อ้ายมีเหตุผล” ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ยอดวิวพุ่งพรวดๆ

          เมื่อเร็วๆ นี้ เบิ้ล ปทุมราช กับ ก้อง ห้วยไร่ สร้างงานเพลงร่วมกันชื่อ “เฮ็ดทุกวิถีทาง” แม้จะได้ยอดวิว 180 ล้านวิว แต่เมื่อประเมินศิลปินอินดี้อีสานเบอร์ต้นๆ สองคน ผ่านไป 4 เดือน ยอดวิวน่าจะแตะหลัก 300-400 ล้านวิวแล้ว

          แสดงให้เห็นว่าตลาดเพลงอินดี้อีสานถึงจุดอิ่มตัว จึงทำให้ “ร็อกอีสาน” กลับมาแจ้งเกิดอีกหน

          เพลงเต่างอยของจินตหรา ก็คือแนวเพลงร็อกอีสาน ที่โด่งดังเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่ออินดี้อีสานราโรย เต่างอยก็แจ้งเกิดตามวีถีเพลง