ข่าว

ผบ.ตร.ยืนยัน คดีการเสียชีวิต “แตงโม” ไม่มีการสร้างหลักฐานเท็จ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บิ๊กปั๊ด ผบ.ตร.ยืนยัน คดีการเสียชีวิต “แตงโม” ไม่มีการสร้างหลักฐานเท็จ วอนประชาชนเชื่อใจตำรวจ รอดูในการพิจารณาคดีของศาล

จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงข่าวและมีการกล่าวอ้างว่าตำรวจมีความพยายามในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา  พัชรวีระพงษ์ หรือ“แตงโม”

 

ผบ.ตร.ยืนยัน คดีการเสียชีวิต “แตงโม” ไม่มีการสร้างหลักฐานเท็จ

 

 

ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค.65) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ซึ่งในประเด็นที่นายอัจฉริยะ มีการหยิบยกขึ้นมาตั้งข้อสังเกต ได้มอบหมายให้จเรตำรวจ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมในทุกประเด็นแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับร่องรอยบาดแผลที่พบบนร่างของผู้เสียชีวิต ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ แต่อาจเกิดจากของมีคม เช่น มีด เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้พนักงานสอบสวน ยืนยันว่า พยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุไม่พบ มีด หรือของคมที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดบาดแผลดังกล่าว

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังย้ำอีกว่า คดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” ตำรวจมีการสอบสวนในรูปแบบคณะกรรมการสอบสวนชุดใหญ่ และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง แต่กระบวนการสอบสวน คงไม่สามารถนำพยานหลักฐานต่างๆมาถกเถียงกันในสื่อสังคมออนไลน์ได้ หากเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล จะมีการนำพยานหลักฐานไปต่อสู้คดีกันในชั้นนั้น เชื่อว่า เมื่อศาล มีคำพิพากษาแล้ว คดีจะคลี่คลาย ตอบข้อสงสัยของสังคมได้ 

 

เช่น เดียวกับคดีเกาะเต่าที่เป็นประเด็นใหญ่กว่าประเด็นนี้เนื่องจากมีความเกี่ยวพันระหว่างประเทศรวมถึงมีหน่วยงานตำรวจจากประเทศอังกฤษเข้ามาตรวจสอบการทำงานของตำรวจไทย รวมถึงสถานทูตที่เข้ามาควบคุมตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ซึ่งขณะนั้นสังคมก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจไทยว่ามีการทำงานไม่ถูกต้องช่วยเหลือผู้กระทำความผิดแต่เมื่อขั้นตอนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมีการพิจารณาคดีในชั้นศาลและศาลมีคำสั่งประหารชีวิตผู้กระทำความผิดตามพยานหลักฐานทุกหน่วยงานระหว่างประเทศก็ยอมรับในการทำงานของตำรวจไทยแต่สังคมก็ไม่ได้กลับมาพูดถึงในประเด็นนี้หลังมีการพิจารณาเชื่อว่าคดีแตงโมก็จะเป็นในลักษณะเดียวกัน

 

ส่วนประเด็นที่อัยการได้ให้สอบเพิ่ม 20 ประเด็นนั้น ได้ดำเนินการเรียบร้อยและส่งสำนวนการสอบสวนกลับไปให้อัยการแล้ว หากมีประเด็นใดที่จำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น ก็สามารถสอบสวนเพิ่มได้ในอนาคต

ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลและทำใหเตำรวจเสื่อมเสีย ก็มีความจำเป็นต้องพิจารณาใช้กฎหมายที่มีอยู่ ในการดำเนินคดีเพื่อปกป้องการทำงาน โดยให้แต่ละหน่วยงาน พิจารณาตามความเหมาะสม เพราะถ้าหากตำรวจนิ่งเฉย ไม่บังคับใช้กฎหมาย อาจเท่ากับ ยอมรับว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริง 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ