"เพื่อไทย" จี้ รัฐบาล เพิ่ม "งบประมาณ" ด้าน "การศึกษา" ลดการ "จัดซื้ออาวุธ"

อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย วิจารณ์ว่าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงินรวม 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณปี 2665 เกือบ 85,000 ล้านบาท ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในต้นเดือนมิถุนายนนี้ งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2566 ลดลงถึง 4,526 ล้านบาท หรือลดลง 1.37% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ในช่วงปี 2563-2566 จะมีการปรับลดงบฯ กลาโหม ลงในภาพรวม เพราะเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละกองทัพกลับพบว่า กองทัพอากาศยังคงได้รับการอนุมัติงบฯ ซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่จำนวน 4 ลำ วงเงินกว่า 13,800 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพันงบประมาณปี 2566-2569 ตอกย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดซื้ออาวุธมากกว่าอนาคตของเด็กไทย

ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2566 ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะถูกจัดสรรงบประมาณเป็นอันดับ 1 แต่งบประมาณส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายประจำของข้าราชการ ยิ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ กลับถูกปรับลดลงทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง สินค้าขึ้นราคา ผู้ปกครองแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการเรียนออนไลน์แทบไม่ไหว และปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมาก

ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย พรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาประกาศเปิดโรงเรียนให้นักเรียนสามารถกลับเข้าไปเรียนที่โรงเรียนอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่การเปิดเทอมหน้าเป็นต้นไป โดยมีมาตรการเฝ้าระวัง 6-6-7 ที่เคร่งครัด หลังจากที่รัฐบาลประกาศยกระดับการเปิดประเทศโดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากกรมควบคุมโรครายงานว่าประชาชนได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 70.2% โดยกลุ่มนักเรียนอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีน 2 เข็ม 76.77% และบุคลากรทางการศึกษา 97%

ขณะเดียวกันก็เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งออกนโยบายอย่างเป็นทางการในการเปิดเรียนแบบ On site เพื่อไม่ให้นักเรียนประสบปัญหาการถดถอยทางการเรียนรู้มากกว่านี้ และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ที่ต้องพึ่งอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ราคาสูง การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่จำกัด และการสอนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ในกรณีของเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี อาจเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่ เพราะได้รับวัคซีนครบโดสเพียง 1.38% ในระยะเริ่มต้นอาจพิจารณาเปิดเรียน On site ในระดับชั้นมัธยมศึกษาก่อน จนกว่าเด็กเล็กจะได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ในสัดส่วนที่สูงแล้วจึงเปิดเรียนต่อไป