ข่าว

"เอส บางแค" เข้าแจ้งความกลับคู่กรณี ข้อหาพยายามฆ่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายเศรษฐี เตชะบุญรักษา หรือ "เอส บางแค" พร้อมพวก เปิดหลักฐานใหม่ ยืนยันเป็นเหตุป้องกันตัว พร้อมแจ้งความกลับคู่กรณี ข้อหาพยายามฆ่า

เมื่อเวลา 10:00 น วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 นายเศรษฐี เตชะบุญรักษา หรือ "เอส บางแค" พร้อมด้วย นายกนก เข็มหนู และ นายสุรารักษ์ ทองแท้  ผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า นายโกมินทร์ วนาดอน หรือ น้อย หลังก่อเหตุใช้ อาวุธปืนยิงคู่กรณี ภายในตลาดย่านบางแค เมื่อวันที่ 22 พ.ย ที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดเหตุ ทั้งหมดได้เข้ามามอบตัว ก่อนจะยื่นขอประกันตัวและศาลอนุมัติให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว ได้เดินทางมาที่ สน.เพชรเกษม พร้อม นายบัญชา ปานนิวัฒน์ ประธานชมรมช่วยเหลือผู้ยากไร้ โดยได้นำหลักฐานเอกสารและคลิปวันเกิดเหตุเพิ่มเติม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีกับ นายโกมินทร์  คู่กรณี ในข้อหาพยายามฆ่าเช่นกัน 

 

นายบัญชา ระบุว่า ที่เดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการเข้าแจ้งความ หลังลงพื้นที่ไปสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนพบกล้องวงจรปิด ที่บันทึกเหุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ว่าทางคู่กรณีมีการใช้อาวุธมีด จะเข้ามาทำร้าย นายกนก ก่อน จนเป็นเหตุให้นายเศรษฐี ต้องใช้อาวุธปืน เข้าห้ามและสั่งให้คู่กรณีทิ้งมีด จนไปสู่การยิงปืนข่มขู่ 3 นัดโดย ยิงลงพื้น 1 นัด และยิงขึ้นฟ้า 2 นัด ซึ่งในวันนี้ได้นำหลักฐานเป็นภาพร่องรอยกระสุนทั้ง 3 นัด มายื่นเป็นหลักฐาน ซึ่งหลักฐานทั้งหมดจะนำมาใช้ในการแจ้งข้อหาต่อคู่กรณีในข้อหา พยายามฆ่าเช่นกัน 

ขณะที่ นายกนก ระบุว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้เดินทางไปตลาดตามปกติเพื่อไปซื้อของและกินข้าว แต่มาเจอกับคู่กรณีที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ห้ามจอดแต่อย่างใด ซึ่งตนเองได้จอดที่เดิม แต่วันเกิดเหตุคู่กรณีได้เข้ามาหาเรื่องบอกว่าไม่ให้จอด ซึ่งตนได้ถามว่าเหตุใดไม่ให้จอดแต่คู่กรณีก็ยังหาเรื่อง ก่อนจะชักมีดและตรงจะเข้ามาทำร้าย ซึ่งเป็นช่วงที่ น้องชายคือ "เอส บางแค" ได้เดินติดตามมา และเห็นเหตุการณ์ จึงทำการชักปืนขึ้นมาบอกให้คู่กรณีทิ้งอาวุธมีด

 

ก่อนที่คู่กรณีจะเดินถอยเข้าไปในมุมกล้องที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ เพราะคู่กรณีรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี แต่คู่กรณียังไม่ยอมทิ้งมีด น้องชายจึงต้องยิงปืนขึ้นฟ้าสองนัดและลงพื้นหนึ่งนัด เพื่อข่มขู่ ให้ทิ้งอาวุธ และเข้าไปตบจนคู่กรณียอมทิ้งอาวุธ

 

ส่วน นายเศรษฐี หรือ "เอส บางแค" ระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้ขัดแย้งใดๆกับ คู่กรณีและยืนยันว่าไม่ได้มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ภายในพื้นที่  ตนเองประกอบอาชีพเกี่ยวกับจิวเวอรี่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับในพื้นที่ตลาดดังกล่าว ซึ่งขณะเมื่อเห็นว่าพี่ชาย กำลังจะถูกทำร้ายจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนที่ตนเองพกไว้เวลาเดินทางไปทำธุรกิจ ขึ้นมาเพื่อปกป้องพี่ชาย

 

ซึ่งหากตนเองจะทำร้ายคู่กรณีจริง ในระยะขนาดนั้นตนเองสามารถยิงคู่กรณีได้ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่ตนเองไม่ทำเพราะไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายคู่กรณี ซึ่งเจตนายืนยันว่าเป็นเพียงการข่มขู่เพื่อให้คู่กรณีทิ้งอาวุธมีด และไม่ให้เข้าทำร้ายพี่ชายตนเอง 

"เอส บางแค" ยังยืนยันอีกว่า ตนเองไม่ได้มีการพูดว่ามีผู้ใหญ่คอยหนุนหลัง ตามที่คู่กรณีอ้างถึงก่อนหน้านี้ ขณะที่ในส่วนของขั้นตอนการต่อสู้คดีของตนเองยืนยันว่าจะต่อสู้คดีในส่วนของตัวเองจนถึงที่สุด และในวันนี้ยืนยันว่าต้องการเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน. เพชรเกษม เพื่อให้ดำเนินคดีกับคู่กรณีในข้อหาพยายามฆ่าเช่นกัน เพื่อความเป็นธรรมกับตนเองและพี่ชาย รวมถึงพี่วินรถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้รู้เห็นกับเหตุการณ์ เป็นเพียงผู้ที่ขับรถมาส่งตน เพราะตนเองว่าจ้างตามปกติแต่กลับถูกคู่กรณีแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า เช่นเดียวกับตนเองและพี่ชายซึ่งประเด็นนี้ตนเองมองว่าไม่เป็นธรรมกับตัวพี่วินรถจักรยานยนต์

logoline