การจับกุมผู้ต้องหามาจากความร่วมมือของประชาชน เห็นข่าวทางสื่อโซเชียล ช่วยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ จนแกะรอยจนสามารถติดตามจับกุม
กรณีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ห้างทองเยาวราชกรุงเทพฯ สาขาห้างบิ๊กซีชัยภูมิ เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.64) และตำรวจใช้เวลา 3 ชั่วโมง ตามจับกุมได้ วันนี้ (24 พ.ย. 64) เวลา 14.00 น. ตำรวจสภ.เมืองชัยภูมิ นำตัวนายสิทธิโชค ผู้ต้องหา วัย 30 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ร้านทองจุดเกิดเหตุ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดชัยภูมิ กว่า 20 นาย ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผน ท่ามกลางประชาชนที่ยืนดูเหตุการณ์จำนวนมาก
เริ่มตั้งแต่ที่ผู้ต้องหาทำทีมานั่งเล่นและดูลาดเลา กระทั่งสบโอกาสปลอดคนเห็นบริเวณหน้าห้างทองดังกล่าว ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ชักฆ้อนออกจากกระเป๋า แล้วเดินถือฆ้อนเข้าไปภายในร้าน บอกกับพนักงานขายทองว่า นี้คือการปล้น ก่อนที่คนร้ายจะกระโดดข้ามเคาเตอร์ตู้เก็บทองรูปพรรณ เข้าไปกวาดสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึงจำนวน 31 เส้น 1 บาท จำนวน 18 เส้น รวม 49 เส้น น้ำหนักรวม 509.2 กรัม หนักกว่า 33 บาท คิดเป็นเงิน 988,250 บาท
ก่อนที่จะกระโดดออกจากร้าน วิ่งไปบริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 30 นาที และนำตัวผู้ต้องหา กลับมาสอบเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองชัยภูมิ
ผู้ต้องหาให้การว่า ในวันเกิดเหตุ สวมเสื้อยืดสีส้ม สวมเสื้อแจกเก็ตสีกลมทับ ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำ รองเท้าผ้าใบ นำฆ้อนปอนใส่กระเป๋าสะพายสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อมาเที่ยวที่ห้างบิ๊กซี สาขาชัยภูมิ แล้วนั่งดูลาดเลาอยู่ในห้าง พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงเกิดอารมชั่ววูบ อยากได้เงินมาซื้อยาเสพติดและไว้ใช้จ่าย จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ
ส่วนทองรูปพรรณ นำใส่ถุงแล้วเก็บไว้บนหลังตู้เสื้อผ้าในห้องนอน โดยไม่ได้นำไปขายแต่อย่างใด เมื่อเจ้าหน้าที่มาจับกุม ได้ตรวจยึดไปทั้งหมดแล้ว ตนเองลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว
พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ร้านทองอยู่บริเวณใกล้ปากทางเข้าออกของห้าง ถือเป็นจุดสุ่มเสี่ยงของการก่อเหตุอาชญากรรม ดังนั้นทางร้านจะต้องมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ขณะที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ติดกล้องวงจรปิดทั้งในและนอกห้าง
ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้มาจากความร่วมมือของประชาชน ที่เห็นข่าวทางสื่อโซเชียล แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ จนตำรวจหลายฝ่าย ช่วยกันแกะรอยจนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง