ปชป. ชี้ไม่แปลก "จุรินทร์" ติดโผนายกฯ อันดับ 1 โพลน่าเชื่อถือ

ที่ "พรรคประชาธิปัตย์" ผู้อำนวยการคณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอก "พรรคประชาธิปัตย์" นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา กล่าวถึงการลาออกของที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มสธ. ศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ หลังปรากฎผลโพลว่า "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" มีคะแนนนิยมอันดับ 1 เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ใช่ครั้งเดียวที่นายจุรินทร์ ติดโผเพราะยังมีอีกหลายสำนักโพลที่มีรายชื่อนายจุรินทร์ติดอันดับความนิยมในลำดับต้น ๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ

ขณะที่รองโฆษกพรรค นางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย ชี้แจงว่า "พรรคประชาธิปัตย์ "ไม่ทราบถึงกระบวนการสำรวจแต่การสำรวจความเห็นจากประชาชนกว่า 10,000 คนนั้น ก็สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ ก่อนจะอ้างอิงว่าเมื่อเห็นหัวข้อการทำโพลก็จะเห็นได้ว่าผลหมายถึง "พรรคประชาธิปัตย์" อยู่แล้ว เช่น ถามว่าหัวหน้าพรรคการเมืองใดยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย  ซึ่งก็สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคอยู่แล้วส่วนการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกของผู้ทำโพลเป็นเรื่องของผู้จัดทำโพลเอง 

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่ามีบุคคลที่จะลงสมัครแล้วตามที่หัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และรองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ย้ำไว้ก่อนหน้านี้ เพียงแต่รอจังหวะที่จะเปิดเผยรายชื่อ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อเปิดชื่อออกมาเชื่อว่าจะเป็นความคาดหวังของคนกทม.ซึ่งคนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์ 

ส่วนกรณีที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ทักท้วงว่า ว่าที่แคนดิเดตผู้ว่า กทม.เป็นคนนอก และตั้งคำถามว่าทำไมไม่ใช้คนในทั้งที่มีบุคคลที่มีความสามารถเยอะแยะ นายภูมิสรรค์ ชี้แจงว่าในอดีตที่ผ่านมาก็มีบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯและได้รับการตอบรับคือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และไม่จำเป็นว่าคนที่จะทำงานการเมืองต้องเป็นส.ส.เท่านั้น

โดยชี้ว่าคนที่จะเป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯของ "พรรคประชาธิปัตย์" ต้องศึกษาถึงความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนในหรือคนนอก และเชื่อมั่นว่าทีมทำงานของผู้ว่ากทม. จะเป็นทีมที่ต้องติดตามเพราะจะรวมบุคคลที่หลากหลายโดยเฉพาะมีความสำคัญที่จะเชื่อมโยงกับหัวเมืองและมีความสำคัญเทียบเท่ากับทีมเศรษฐกิจของนายจุรินทร์ที่จะเปิดตัวในอนาคต 

นอกจากนี้นายภูมิสรรค์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงขาขึ้นของพรรคจึงเรียกร้องให้คนในพรรคสามัคคีกัน มากกว่าส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ ความเห็นต่างทางการเมืองในพรรคไม่จำเป็นต้องมีการเคลียร์ใจกันเพราะ "พรรคประชาธิปัตย์" กว่า 70 ปีที่ผ่านมามีเรื่องเช่นนี้ตลอด เช่น กลุ่ม 10 มกรา พร้อมยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครที่จะสั่งได้ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน  แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกาลเทศะ ในการวิพากษ์ เพราะขณะนี้หัวหน้าพรรคถือเข็มทิศของพรรคอยู่