ดร.เทียม โชควัฒนา ต้นกำเนิด "เครือสหพัฒน์" องค์กรเก่าแก่กว่า 70 ปี

โครงการปันสุขอิ่มใจ โดย มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา "เครือสหพัฒน์" ซึ่งออกมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน จากภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อ “โควิด-19” ในพื้นที่ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม และปริมณฑล  ซึ่งประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครปฐม 

 

   

 

 

สำหรับผู้ก่อตั้งอาณาจักร “เครือสหพัฒน์” องค์กรเก่าแก่กว่า 70 ปี ก็คือ ดร.เทียม โชควัฒนา” ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2485 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร

  

 ส่วนประวัติของ “ดร.เทียม โชควัฒนา” ต้นกำเนิด "เครือสหพัฒน์"  เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2459 ปีมังกร (นับตามปฏิทินจีน) ชื่อเดิมคือ เฮงเทียม แซ่ลี้ เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งสิ้น 8 คน ของนายฮกเปี้ยว แซ่ลี้ และ นางสอน แซ่ลี้ บิดาเป็นชาวจีนโพ้นทะเล มาจากตำบลเตี๋ยชู้เลี้ยว อำเภอโผวเล้ง มณฑลแต้จิ๋ว

 

 

ส่วนมารดานั้นเป็นลูกคนจีนเกิดในเมืองไทย สมรสในช่วงวัย 17  ปี กับ นางสายพิณ โชควัฒนา มีบุตร-ธิดา ด้วยกันทั้งสิ้น 8 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 2 คน คือ คุณบุญเอก , คุณบุญปกรณ์ , คุณบุณยสิทธิ , คุณศิริยล , คุณศิรินา , คุณณรงค์ , คุณบุญชัย , คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา

 

เริ่มการศึกษา ครั้งแรกที่โรงเรียนเผยอิง ถนนทรงวาด จนกระทั่งอายุ 15 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน มาเป็นคนงานในร้านขายของชำที่บ้าน และเมื่อเริ่มมีโอกาสก็ได้ไปเรียนภาคค่ำ ซึ่งคล้ายกับโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่

 

กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 ขณะนั้น “ดร.เทียม โชควัฒนา” อายุได้ประมาณ 15 ปี เริ่มงานครั้งแรกด้วยการเป็นพนักงานในร้าน"เปียวฮะ" ของบิดาและเครือญาติ ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าประเภท นม น้ำตาล แป้งหมี่ น้ำมัน ฯลฯ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสินค้าที่ไทยต้องสั่ง และนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเรียนไปด้วย พร้อมกับทำงานไปด้วย  

 

 

 

 

ถัดมาประมาณ 10 ปี คือในปี พ.ศ. 2484 บิดาได้แยกกิจการจากญาติพี่น้อง และเครือญาติ ออกมาตั้งร้าน “เฮียบฮะ” ในช่วงนี้ “ดร.เทียม โชควัฒนา” ได้รับหน้าที่เป็นพนักงานติดต่อซื้อขาย และมีโอกาสได้รับทราบบัญชี และงบดุลของร้าน ในปี พ.ศ. 2485 หลังจากตั้งร้านเฮียบฮะ มาได้ 6 เดือน ได้เสนอครอบครัวเปลี่ยนแนวทางในการทำธุรกิจ

 

จากการขาย “น้ำตาล” ที่ได้กำไรได้น้อย เพราะน้ำตาล 1 กระสอบ มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม จะสามารถขายได้กำไรเพียงแค่ 20 สตางค์ เท่านั้น มาเป็นการขายเสื้อกล้ามแทน  เพราะเสื้อกล้ามสามารถใช้มือหิ้วได้ข้างละ 10 โหล และสามารถทำกำไรได้มากถึง 1.50 บาท โดยบิดาไม่เห็นด้วย ดังนั้น “ดร.เทียม” จึงตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ซึ่งใช้ชื่อจีนว่า “เฮียบ เซ่ง เซียง” ด้วยเงินทุน 10,000 บาท และเริ่มต้นสั่งซื้อสินค้าจากฮ่องกง เข้ามาขาย

  

   

และในปี พ.ศ. 2495 “เฮียบ เซ่ง เซียง” จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด” "เครือสหพัฒน์" ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยนำเข้าสินค้าอุปโภค-บริโภค จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย พร้อมกับเริ่มติดต่อกับบริษัทไลอ้อน ประเทศญี่ปุ่น และได้สั่งสินค้าแชมพู ยาสีฟัน และผงซักฟอก เข้ามาขาย

 

กระทั่งเริ่มต้นสั่งเครื่องจักร เข้ามาบรรจุแชมพู และเริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ  เช่น ถุงเท้า รองเท้า ผงซักฟอก เครื่องสำอาง ในช่วงปี พ.ศ. 2515 พร้อมกับได้จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง “บริษัท สหพัฒนา อินเวสเมนท์” "เครือสหพัฒน์" เพื่อดูแลและวางแผนการลงทุนของ "เครือสหพัฒน์" รวมทั้งจัดหาพื้นที่ในภาคตะวันออก สร้างเป็นสวนอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันเจริญเติบโต จนเป็นที่รู้จักของบรรดานักอุตสาหกรรมทั่วประเทศ  เพราะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค นานาชนิด

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล  /   วิกิพีเดีย