บริษัทเดลต้า รับผู้พ้นโทษ-พักโทษ 1,000 คน ทำงานเป็นโครงการนำร่อง หลังพ้นโควิดลุยได้ทันที ย้ำนักโทษกลุ่ม 7 ประเภทร้ายแรงไม่ได้สิทธิ์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวร่วมกับนายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริษัทเดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)บริษัทเดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ความร่วมมือรับแรงงานที่อยู่ในการคุมความประพฤติเข้าทำงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทเดลต้า เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนจำเป็นของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งของโลก มีบริษัทรถยนต์ดังหลายแห่งเป็นคู่ค้า เช่น เมอร์ซิเดสเบ็นซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และเจอเนอรัล มอเตอร์ โดยบริษัทเดลต้า ได้มีการพูดคุยกับกระทรวงยุติธรรม โดยจะใช้แรงงานของผู้พ้นโทษและพักโทษที่ติดกำไล EM ซึ่งคนเหล่านี้พ้นโทษแล้วไม่ใช่ผู้ต้องขัง
ในโครงการนี้จะไม่รวมกลุ่มนักโทษ 7 ประเภทร้ายแรงที่อยู่ Watch List โดยเราขอให้บริษัทจัดที่พักให้แรงงานเหล่านี้ รวมทั้งการฝึกอบรมต่างๆ ซึ่งทางบริษัทเดลต้าพร้อมที่จะดำเนินการ
แต่ในช่วงนี้เป็นวิกฤตโควิด-19 เราจึงต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อน โดยบริษัทเดลต้า กำลังขยายพื้นที่อีก 40 ไร่ ต้องการแรงงานจำนวนมากเบื้องต้นจะรับช่วงแรก 1,000 คน และจะทยอยรับเพิ่มเติมอีกหลังการขยายพื้นที่ ตนต้องขอบคุณบริษัทเดลต้า ที่ช่วยทำความฝันของกระทรวงยุติธรรม ในการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้พ้นโทษไม่หวนกลับไปทำความผิด ลดความแออัดในเรือนจำ และทำมาตรฐานให้เทียบเท่ากับสากลต่อไป
โครงการนี้เป็นโครงการนำร่อง ยังมีอีกหลายบริษัทที่ติดต่อเข้ามาในการจ้างงานจะเป็นการจ้างงานระยะยาว แต่ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างบริษัทกับความพึงพอใจของแรงงาน โดยค่าแรงจะเป็นไปตามกำหนดค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถ หากใครมีความสามารถสูงค่าแรงก็จะมากตามไปด้วย ดังนั้นตนจึงอยากขอให้ผู้ต้องขังทุกคน ฝึกวิชาชีพและเรียนหลักสูตรต่างๆ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ได้บรรจุหลักสูตรไว้ โดยเลือกในสิ่งที่เราชอบ ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อที่พ้นโทษออกมาแล้วจะได้มีงานทำเลี้ยงชีพและมีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัวด้วย
นายอนุสรณ์ ผู้บริหารบริษัทเดลต้า กล่าวว่า ต้องขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ติดต่อมาในช่วงวิกฤตที่เราขาดแคลนแรงงาน โดยเราจะเริ่มรับกลุ่มแรกที่ 1,000 คน และยังต้องการแรงงานอีกจำนวนมาก เพราะเราขยายพื้นที่โรงงาน และยังมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่เราจะทำ ดังนั้นบริษัทเดลต้าจะยังรับแรงงานได้อีกเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะรับได้มากถึง 10,000 คน ซึ่งการที่เรารับผู้พ้นโทษในครั้งนี้ เราอยากให้โอกาส และเราได้เห็นว่าในเรือนจำยังมีแรงงานฝีมือดีอีกมาก และได้รับการสร้างมั่นใจจากกระทรวงยุติธรรม ดังนั้นเราจึงตอบตกลงเข้าร่วมโครงการนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง