ข่าว

อธิบดีศาล"ปรเมษฐ์"ฟ้อง 3 ผู้พิพากษา กรรมการสอบสวน ม.157 เร่งรัดสรุป ไม่ฟังผู้ถูกกล่าวหา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อธิบดีศาล"ปรเมษฐ์"ฟ้อง 3 ผู้พิพากษา กรรมการสอบสวน ม.157 เร่งรัดสรุป ไม่ฟังความเห็นของผู้ถูกกล่าวหา ทำให้ตนเสียหาย ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งในชั้นตรวจฟ้องในวันที่7มิ.ย.เวลา 09.30น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค1ปฏิบัติภารกิจชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง กล่าวหานายอนุวัตร มุทิกากร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นางสาวมรกต วัฒนรุ่งเรืองยศ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ นายนรินทร์ ทองคำใส รองเลขานุการศาลฎีกา ทั้งสามคนในฐานะประธานเเละคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่333/2564 วันที่25มี.ค. ลงนามโดยประธานศาลฎีกา
 

กรณีนายปรเมษฐ์ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปก้าวก่ายหรือเเทรกเเซงการพิจารณาคดึหมายเลขดำที่อท.48/2563 ของศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค1โดยนายปรเมษฐ์ฟ้องจำเลยทั้งสามในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยศาลอาญาฯนัดฟังคำสั่งในวันที่7มิ.ย.เวลา09.30น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารายละเอียดคำฟ้องขั้นต้นนั้นระบุว่าวันที่26มี.ค.สำนักงานศาลยุติธรรมมีคำสั่งที่333/2564โดยนายอนุวัตรเป็นประธานเเละนางสาวมรกตเป็นกรรมการ,นายนรินทร์เป็นกรรมการเเละเลขานุการ โดยจำเลยทั้งสามมีหน้าที่สอบสวนพยานหลักฐานเเละเสนอความเห็นเพื่อทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดของนายปรเมษฐ์ที่ถูกกล่าวหาว่าผิดวินัยร้ายเเรง/ไม่ร้ายเเรง/ไม่มีมูลความผิด

คำฟ้องระบุว่า หลังจากมีคำสั่งศาลยุติธรรมเมื่อวันที่25มี.ค.พบว่าวันที่26มี.ค.จำเลยทั้งสามร่วมเดินทางไปสอบพยานหลักฐานที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค1 ถัดมาวันที่31มี.ค.นายนรินทร์โทรศัพท์มาเเจ้งนายปรเมษฐ์ว่าให้มาชี้เเจงกับกรรมการในวันที่1เม.ย.เพราะนายอนุวัตรเข้าเวรที่ศาลฎีกาในวันนั้น โดยปกติเเล้วในการปฏิบัติราชการของกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในขั้นต้นต้องมีหนังสือเเจังนัดผู้ถูกล่าวหาเข้าชี้เเจงเเละควรได้รับทราบประเด็นร้องเรียน เพื่อให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการชี้เเจงเเละเข้าสืบแก้ในข้อที่เป็นผลร้ายต่อตนเอง 

"วันที่1เม.ย.โจทก์ปวดท้องมากเเละวันนั้นมีผู้พิพากษามารายงานตัวเเละขอพบหลายคน เมื่อเสร็จภารกิจจึงไปพบเเพทย์ที่รพ.สระบุรี เเพทย์มีหนังสือความเห็นว่า ตนเป็นกระเพาะอาหารอักเสบควรพักผ่อนในวันที่1-2เม.ย.เเละก่อนหน้านั้นคือวันที่29มี.ค.ตนไปรพ.ราชวิถีเพราะปวดท้องเเพทย์นัดให้ไปรังสีวินิจฉัยวันที่12พ.ค.ด้วย โดยตนทำหนังสือลาป่วยของวันที่29มี.ค.เเละวันที่1-2เม.ย.ต่อประธานศาลฎีกาเเล้ว

หลังตนพบเเพทย์ที่รพ.สระบุรีเเล้วได้โทรศัพท์ติดต่อนายนรินทร์หลายครั้งเเต่นายนรินทร์บล็อกโทรศัพท์ตน เพราะตนต้องการไปชี้เเจงต่อกรรมการซึ่งเป็นจำเลยทั้งสามในคดีที่ตนฟ้องร้องนี้ เพราะตนต้องการทราบว่าผู้ใดร้องเรียนเเละมีประเด็นใดบ้างเพื่อที่จะได้ทราบสืบแก้ได้ถูกตัอง"คำฟ้องระบุ

คำฟ้องระบุว่า วันที่2เม.ย.ตนพยายามติดต่อนายนรินทร์หลายครั้งเเต่โดนบล็อกโทรศัพท์ ตนจึงติดต่อนายอนุวัตร  โดยนายอนุวัตรตอบว่า กรรมการมีความเห็นไปเเล้ว ตนจึงเเจ้งนายอนุวัตรว่าตนยังไม่ได้ชี้เเจงเเละไม่ทราบประเด็นการร้องเรียนที่จำเลยทั้งสามสอบสวนเเละมีผลร้ายเเก่ตน นายอนุวัตรให้ตนติดต่อนายนรินทร์ ดังนั้นเลขานุการของตนได้เเจ้งนายอนุวัตรว่าตนโทรศัพท์นายนรินทร์หลายครั้งเเต่ติดต่อไม่ได้ จากนั้นตนยังติดต่อนายนรินทร์เเต่พบว่าโดนบล็อกโทรศัพท์

"ตนยังพร้อมไปพบกรรมการเเละชี้เเจง เพราะต้องการทราบประเด็นข้อร้องเรียน หากตนได้เข้าชี้เเจงเเละหากกรรมการให้ความเป็นธรรมเเก่ตนก็จะทราบความจริงว่าเป็นกรณีที่ตนปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชธรรมนูญศาลยุติธรรมเเละบทบัญญัติกฎหมาย ตนไม่ได้เเทรกเเซงการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาผู้ใต้บังคับบัญชาเเต่อย่างใด  ตอนเกิดเหตุตนเป็นเจ้าของคดีหมายเลขดำที่อท.48/2563มีความเป็นอิสระในการพิพากษาคดี "

จำเลยทั้งสามได้รับการเเเต่งตั้งเป็นกรรมการในกรณีของตนต้องสอบสวนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรมเรื่องหลักเกณฑ์เเละวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้นฯ เเละเมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนขั้นต้นหากผู้ถูกสอบสวนถูกกล่าวหาเเละเป็นผลร้ายโดยไม่มีโอกาสชี้เเจงนั้นหากมีกรณีเช่นนี้ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้เเจงก่อน

ดังนั้นกรณีนี้เป็นการกระทำสอบสวนของกรรมการทั้งสามอย่างเร่งรีบ รวบรัด ด่วนสรุปความเห็นเพียงไม่กึ่วันหลังได้รับเเต่งตั้งเป็นกรรมการ หากตนได้เข้าชี้เเจงเข้าสืบเเก้ผลร้ายเเก่ตนตามสิทธิเเละหลักกฎหมายกับกรรมการทั้งสามนั้น กรรมการจะสอบสวนโดยไม่เร่งรีบฯ  ดังนั้นกรมการทั้งสามที่เป็นจำเลยคดีนี้ร่วมกันงดดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานเเละด่วนสรุปความเห็นจึงไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ,บทบัญญัติกฎหมายเเละประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม"คำฟ้องระบุ

คำฟ้องระบุว่า น่าสงสัยว่าเหตุใดจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำการดังกล่าวทั้งๆที่เมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนชั้นต้นเเล้ว จำเลยทั้งสามต้องพิจารณาว่ามีข้อเท็จจริงที่เป็นผลร้ายเเก่ผู้ถูกกล่าวหาโดยผู้ถูกกล่าวหายังไม่ไดัชี้เเจง  ดังนั้นจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเจตนาไม่ดำเนินการสอบสวนให้เป็นไปตามกฎหมายเเละประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม 

ตนมีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานศาลฎีกาเเละกรรมการชุดนี้เมื่อวันที่5พ.ค.เพื่อขอความเป็นธรรมเเต่ประธานศาลฎีกานำความเห็นชั้นต้นของจำเลยทั้งสามเสนอคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมเพื่อขอความเห็นชอบให้ตนไปปฏิบัติภารกิจชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมจึงทราบว่าตนยังไม่ได้ชี้เเจงตามที่ถูกกล่าวหา ทำให้ตนเสียหาย จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157,81,93

โดยภายหลังยื่นฟ้อง ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งในชั้นตรวจฟ้องในวันที่7มิ.ย.เวลา 09.30น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุการฟ้องนายอนุวัตร ,นางสาวมรกต ,นายนรินทร์ในครั้งนี้มาจากกรณีที่นายปรเมษฐ์มีความเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสรุปการสอบสวนของนายอนุวัตร,นางสาวมรกต,นายนรินทร์ที่เป็นคณะกรรมการสอบสวนกรณีคำสั่งของประธานศาลฎีกา ย้ายนายปรเมษฐ์จากตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 

 กรณีข้างต้นนั้นคาดว่ามาจากกรณีที่นายปรเมษฐ์ ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าแทรกแซงการพิจารณาคดี หมายดำที่ อท. 84/2563 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ระหว่าง นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช., น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยนายปรเมษฐ์เป็นเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าว และได้พิจารณาสั่งยกคำร้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ