สาวพนักงานโรงแรมเกาะพะงัน ร้อง ปอท. ถูกเพจดังหลอกเข้าร่วม "โครงการปลดหนี้บัตรเครดิต" สุดท้ายต้องสูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท คาดมีเหยื่อถูกหลอกอีกมาก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่ บก.ปอท. นายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน (ประเทศไทย) พร้อมด้วยเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตประพฤติมิชอบแห่งชาติ
ได้พา น.ส.เอ (นามสมมุติ)อายุ 28 ปี อดีตพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งที่เกาะพะงัน จ.สุราษฏร์ธานี ได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) ขอให้ตรวจสอบเพจดัง ชึ่งเป็นเพจเกี่ยวกับโครงการปลดหนี้บัตรเคดิต ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมโครงการในเพจนี้ (โดยโครงการนี้จะปลดหนี้และหารายได้จากบัตรเครดิต)
น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรม และเกิดตกงานในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงอยากลดค่าใช้จ่ายเรื่องบัตรเครดิต ในช่วงที่ยังตกงานอยู่ โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 63 ตนได้คุยกับ น.ส.กัญญารัตน์ ตากิ่มนอก ผ่านทางเฟสบุ๊ก เพื่อปรึกษาเรื่องที่ตนเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่จำนวน 5 ใบ ซึ่งมียอดรวมเกือบ 4 แสนบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.กัญญารัตน์ ชอบโพสต์เรื่องการปลดหนี้บัตรเครดิตได้ง่ายๆ
ซึ่งน.ส.กัญญารัตน์ ได้แนะนำให้รู้จักกับเพจเฟซบุ๊กที่ใช่ชื่อว่า "เทคนิคการสร้างรายได้จากบัตรเครดิต"ซึ่งเป็นเพจเกี่ยวกับโครงการปลดหนี้ และหารายได้จากบัตรเครดิต ตนจึงเข้าไปดูในเพจตามที่ได้รับคำแนะนำ หลังจากลองเข้าไปศึกษา ก็พบว่าบริษัทดังกล่าว มีการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานเขตบึงกุ่ม
นอกจากนี้ในเพจยังมีการไลฟ์ สดพูดถึงข้อดี-มีการชักชวนให้คนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตให้เข้ามาร่วมกับโครงการนี้ ตนจึงหลงเชื่อและตัดสินใจเข้าร่วมกับโครงการเพราะน่าเชื่อถือและมีใบจดทะเบียนมาแสดงหน้าเพจ
ทั้งนี้ ตนได้ส่งภาพถ่ายบัตรเครดิตที่ตนเป็นหนี้อยู่จำนวน 5 ใบ โดยส่งให้บริษัทผ่านทาง น.ส.กัญญารัตน์ เป็นผู้ดำเนินการ ต่อมาก็ได้รับการติดต่อจากโครงการซึ่งแจ้งว่าตนต้องชำระยอดเงิน 70% ของยอดหนี้บัตรเครดิตทั้ง 5 ใบเป็นเงินทั้งสิ้น 281,000 บาท
ส่วนที่เหลืออีก 30% ของยอดหนี้บัตรเครดิตทางโครงการจะเป็นผู้ชำระเงินให้ และให้โอนเงินไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งทางโครงการจะขอคิดค่าบริการบัตรละ 200 บาทด้วย หลังจากนั้นตนได้โอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าวจำนวน 5 ครั้ง จนครบถ้วนในเดือน ต.ค.63 ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะปิดหนี้บัตรเครดิตให้ภายใน 7 วันแต่เมื่อครบกำหนด 7 วันทางโครงการก็ไม่ได้ปิดหนี้บัตรเครดิตให้แต่อย่างใด นอกจากนี้ตนยังโดนเจ้าหนี้แต่แห่งโทรตามหนี้
ต่อมาตนได้สอบถามไปที่โครงการ และได้รับคำตอบว่า ตนทำผิดเงื่อนไขของโครงการ โดยโครงการไม่ได้แจ้งว่าตนทำผิดเงื่อนอะไร แต่ทางโครงการยืนยันว่า จะโอนเงินคืนให้ทั้งหมดภายในเดือน ธ.ค.63 แต่จนถึงปัจจุบันนี้ตนได้รับเงินคืนเพียง 15,000 บาทเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลืออีก 200,000 กว่าบาท ทางโครงการจะขอคืนให้แต่จะขอผ่อนชำระเป็น 10 งวดทุกๆ 7 วันจนกว่าจะหมด
แต่จนถึงขณะนี้ ทางโครงการก็ไม่ได้ชำระเงินคืนให้กับตนแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีการทวงถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง มาโดยตลอด โดยให้เหตุผลต่างๆ นานา ตนจึงเชื่อว่าถูกโครงการนี้หลอกแน่นอน จึงได้นำเรื่องมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน ขอให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วย เพราะที่เข้าไปดูในเพจของโครงการยังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อแบตนอีกเป็นจำนวนมาก
นายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและ สื่อมวลชน(ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการตรวจสอบปัจจุบันพบว่า เพจดังกล่าวยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ และยังมีการชักชวนให้ประชาชนเข้ามาร่วมลงทุนกับโครงการต่างๆ โดยจะเน้นคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตและมีปัญหาเป็นส่วนใหญ่ และที่ทราบมาว่า ฝ่ายบริหารของห้างหุ้นจำกัดแห่งนี้ อดีตเคยเป็นนิติกรของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง แต่ได้ถูกไล่ออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงประชาชนที่มองหาช่องทางปลดหนี้ อย่าหลงเชื่อพวกนี้เด็ดขาด เพราะอาจจะต้องเสียเงินให้มิจฉาชีพเหล่านี้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง