ข่าว

ยุคโควิด-19 บช.น.จัด 3 โรงพัก นำร่อง "โครงการแจ้งความออนไลน์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัดให้ดูแลตนเองช่วงโควิด-19 เผยเตรียมเปิดตัว โครงการแจ้งความออนไลน์ โดยมี 3 โรงพัก ในพื้นที่นครบาลเป็นโครงการนำร่อง 

     เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงมาตรการกำชับการปฏิบัติข้าราชการตำรวจช่วงสถานการโควิด-19 แพร่ระบาดว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีหนังสือสั่งการกำชับให้มีการดำเนินการเหมือนการแพร่ระบาดครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับการตรวจวัดไข้ การรักษาระยะห่าง งดเว้นไปพื้นที่สถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งบช.น.ได้ร่วมกับทางกรุงเทพมหานคร ตรวจสถานที่เสี่ยงในพื้นที่สถานประกอบการต่างๆ ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว 

            

     เมื่อถามถึงกรณีโครงการแจ้งความออนไลน์นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า เป็นโครงการนำร่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในพื้นที่ 3 สน.ได้แก่ สน.ปทุมวัน สน.บางรัก สน.ลุมพินี ในคดีที่ไม่มีความสลับซับซ้อนหรือไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน คดีที่เราทราบการกระทำความผิดรู้ตัวผู้กระทำความผิดให้มีการนัดหมายกับพนักงานสอบสวนตามเวลาที่ประชาชนสะดวก เพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยจะมีพิธีเปิดโครงการพื้นที่แถวสยามสแควร์ต่อไป

     เมื่อถามถึงคดีคนต่างด้าวเป็นชาวโรฮิงญาติดเชื้อโควิดมาอยู่ในพื้นที่สน.ดอนเมือง นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมืองได้ขออนุมัติหมายจับสำหรับผู้ให้ที่พักพิง ส่วนชาวโรฮิงญาได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค อย่าไรก็ตาม กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนว่ามีการนำพากลุ่มชาวต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในประเทศได้อย่างไร เป็นกรณีใดบ้าง ใครมีผลประโยชน์ได้เสีย หรือปล่อยปละละเลยก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับการปฏิบัติให้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ หากมีใครยุ่งเกี่ยวโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ก็ให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ ส่วนข้อมูลผู้ถูกออกหมายจับนั้น มีคนไทยและคนต่างชาติ เป็นสามีภรรยาเป็นคนให้ที่พักพิง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีคนในพื้นที่เกี่ยวข้องหรือไม่.

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ