"ลูกเกด" เตรียมปรึกษาทนายฟ้องกลับตร.

ต่อมาเวลา 13.30 น. ภายหลังเข้ารับทราบหมายเรียกน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด เปิดเผยว่า วันนี้มารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ที่จัดกิจกรรมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะเดินขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาล ในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน โดย 3 คนแรกประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และน.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล ได้มารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนแล้ว ส่วนวันนี้เหลือ 7 คนที่มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งแต่ละคนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามพฤติการณ์ ส่วนใหญ่ข้อหาจะมีความคล้ายคลึงกัน 3 ประเด็นคือ 1.พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อ 9 ห้ามชุมนุมมั่วสุม 2.พ.ร.บ.โรคติดต่อ 3.พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ คือการไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ทั้งนี้ได้ให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา

 

น.ส.ชลธิชา กล่าวยอมรับว่าเรื่องคดีความมีผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเสียเวลาในการต่อสู้คดีความ และเสียงบประมาณ รวมถึงผลกระทบต่อการเรียนและการประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนตัวมีคดีทั้งสิ้น 21 คดี โดยตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา ช่วงที่มีการจัดการชุมนุมประมาณ 2 เดือน มี 16 คดี ทั้งนี้ไม่กังวลเรื่องการต่อสู้คดีความเพราะยืนยันว่าสิทธิในการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และการชุมนุมที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่สงบ มีเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นคือการฟ้องร้องคดีดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องเพื่อกลั่นแกล้ง ฟ้องเพื่อปิดปาก เพื่อทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความยุ่งยาก หลังจากนี้จะปรึกษาทนายความถึงเรื่องการดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ เพราะหลายๆ คดี มีการตั้งข้อกล่าวหาที่เกินเลยกว่าพฤติการณ์ของเรา

 

น.ส.ชลธิชา กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายจะต้องไปรายงานตัวต่ออัยการที่ศาลแขวงพระนครเหนือ จากการจัดกิจกรรมที่บริเวณหน้าเรือนจำกรณีการปล่อยตัวนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ โดยกิจกรรมในครั้งนั้นตนไม่ได้อยู่ในฐานะผู้จัดการชุมนุม แต่เป็นเพียงผู้ที่ไปเข้าร่วมการชุมนุมเท่านั้น โดยพยายามปิดบังใบหน้าใส่หมวก และหน้ากากผ้า แต่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ถ่ายภาพตนไว้ และบอกว่าเนื่องจากตนเป็นคนดังเลยตั้งข้อกล่าวหากับเรา ซึ่งวันนั้นมีผู้เข้าร่วมจำนวนหลายคน แต่มีการแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะเพียง 2 คน ทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ดูพฤติการณ์การกระทำผิดของบุคคลนั้นๆ แต่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากบุคคลนั้นเป็นผู้จัดการชุมนุมเป็นประจำหรือเป็นผู้ที่แสดงความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์กับรัฐ

 

 

ด้านนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด กล่าวว่า ทั้งนี้เป็นคดีต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ที่มีการแถลงข่าวมาจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ส่วนตัวมองว่ามีความขัดแย้งกันในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตามปกติแล้วหากมีการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จะบังคับใช้พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ไม่ได้

 

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวในปีนี้ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์  กล่าวว่า ประเด็นการเคลื่อนไหวจะดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เรายังคงไว้ซึ่งสันติวิธี ยังขับเคลื่อนประเด็น 3 ข้อ ทั้งการไล่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปสถาบัน ทั้งนี้จะต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ก่อน

 

ขณะที่นายจตุภัทร์  บุญภัทรรักษา หรือไผ่  กล่าวว่า การแจ้งข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่พยายามหาทุกวิธีทางที่จะเล่นเราให้ได้ โดยใช้กฎหมายที่ย้อนแย้ง รวมถึงการพยายามให้ตนเข้ามาอยู่ในคดีนี้ทั้งที่วันที่ 14 ตุลาคม ตนเองอยู่ในเรือนจำ แต่พยายามอ้างเหตุจากวันที่ 8 ตุลาคมต่อเนื่องมากล่าวหาว่าตนเป็นผู้เชิญชวนให้มีผู้มาเข้าร่วมการชุมนุม ทำให้กฎหมายหมดความชอบธรรม ขาดความศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือ