แฉอ่าวปากพนังวิกฤติ "ทะเลเน่า" ปลาและสัตว์น้ำลอยตายเกลื่อนผลการเปิดประตูระบายน้ำ กปร.

นายก ฯส.ประมงชายฝั่งปากพนังสุดทนแฉอ่าวปากพนังวิกฤติ“ทะเลเน่า”ปลาและสัตว์น้ำลอยตายเกลื่อนผลการเปิดประตูระบายน้ำ กปร.-เผยช่วงน้ำท่วมทุกปีเปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ชาวบ้านรับกรรมน้ำเน่า ตะกอนมลพิษจากพื้นที่การเกษตรด้านบนทะลักปลาและสัตว์น้ำตายเกลี้ยงอ่าวปากพนัง-กระกระยางและนกน้ำเริงร่าอาหารเพียบ

จากสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราช หนักสุดในรอบ 50 ปี ซึ่งแม้ระดับย้ำจะลดลงเป็นปกติแล้วหลายอำเภอแต่ยังทีพื้นที่ทั่วจังหวัดเกือบ 10 อำเภอที่ยังมทีระดับน้ำท่วมขังสูงส่งผลกระทบต่อวิพีการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ที่เป็นพื้นที่รับน้ำสุดท้ายก่อนไหลระบายลงสู่ทะเล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างเร่งด่วนเพื่อพร่องน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เตรียมรับมือกับมวลน้ำระลอกใหม่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอักครั้งในระหว่างวันที่ 17-19 ธ.ค. 2563

วันที่ 13 ธ.ค.2563  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากประชาชนที่ประถสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ช่วยเป็นสื่อกลางไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ โดยในแต่ละพื้นที่ระบุว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด  โดยล่าสุดนายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ถ่ายภาพ/คลิปพร้อมเอกสารที่อ้างว่าได้ยื่นร้องโดยตรงกับนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง  ส.ส.พปชร.เขต 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช และ ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ลงมาตรวจเยี่ยมพื้นที่มาแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหาย

นายมาโนช กล่าวว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งจะใช้พื้นที่แม่น้ำปากพนังและอ่าวปากพนังในการประกอบอาชีพประมงชายฝั่งจับสัตว์น้ำมาจำหน่ายเลี้ยงชีพต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคน แต่หลังจากมีการก่อสร้างประตู่ระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  โดยประตูดังกล่าวจะปิดกั้นแบ่งโซนน้ำจืดน้ำเค็ม โดยในช่วงด้านบนประตูระบายน้ำขึ้นไปเป็นน้ำจืดและล่างประตูเป็นน้ำเค็ม นอกจากชาวประมงพื้นบ้านจะออกจับปลาหากินตามวิถีชีวิตดั่งเดิมแล้ว มีชาวประมงพื้นบ้านบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากทางราชการให้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง โดยในช่วง 10 เดือนที่ปิดประตูระบายน้ำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง ฯ น้ำจากพื้นที่การเกษตารในพื้นที่น้ำจืดจะไหลลงตกตะกอนมาทับถมด้านหน้าเขื่อนจำนวนมหาศาล แต่เมื่อถึงวช่วงมรสุมฝนตกหนักจะมีมวลน้ำจากพื้นที่ด้านบนทั้งหมดไหลมาเอ่อที่ประตูเระบายน้ำ ทำให้ทางโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังต้องเปิดประตูระบายน้ำเพื่อพร่องน้ำออกสู่แม่น้ำปากพนังและออกสู่ทะเลที่อ่าวปากพนัง

“น้ำเน่าเสียและตะกอนที่เต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ จำนวนมหาศาลไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัง และอ่าวปากพนัง ในระยะ1-3 กม.น้ำสีดำคล้ำในน้ำจะขาดออกซิเจนทำให้ปลาและสัตว์น้ำทุกชนิดไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ลอยตายเกลื่อนจำนวนมาก นกยาง และนกนานาชนิดบินว่อนกินซากปลาและสัตว์น้ำที่ลอยตาย ในขณะที่ปลากะพงขาวที่ชาวบ้านเลี้ยงในกระชังตายเกลี้ยงไม่เหลือ ตนและคณะกรรมการสมาคม ฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเก็บตัวอย่างน้ำส่งให้นักวิชาการ ม.วลัยลักษณ์ตรวจสอบสรุปว่าน้ำเน่าเสียและมีมลพิษเกินกว่าที่สัตว์น้ำทุกชนิดจะอาศัยอยู่ได้  ในขณะนี้ชาวประมงพื้นบ้านทั้งวที่ออกทำประมงตามปกติลงทุนออกไปจับปลาในอ่าวปากพนังครั้งละ 300-400 บาท แต่ไม่มีปลาให้จับออกไป 4-5 ชั่วโมงแทบไม่ได้ปลาหรือสัตว์น้ำเลย คนที่เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังก็เดือดร้อนอย่างหนัก ทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ตนพยายามเรียกร้องให้ทางประมงและหน่วยงทานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ แต่มับการตอบสนอง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร”

นายมาโนช กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติทาวงรัฐบาลวางกรอบในการช่วยเหลือเยี่ยวยา แต่ในส่วนของชาวประมงพื้นบ้านที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ยาวนานอย่างน้อย 2 เดือนจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทางราชการไม่เคยรายงานข้อเท็จจริงให้รัฐบาลทราบ พยายามปกปิดข้อมูล ข้อเท็จจริงเอาไว้ การดูแลช่วยเหลือประชาชนคนไทยรัฐบาลจะต้องมีมาตรการดูแลช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพอย่างเสมอภถาคเท่าเทียมกัน แต่หลายโครงการที่ผ่านมา กลุ่มนี้ได้ กลุ่มนั้นไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไทย เสียภาษีให้รัฐบาลไทยเหมือนกัน กรณีประมงพื้นบ้านหรือประมงชายฝั่งหน่วยงานภาครัฐไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง วันนี้อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาตรวจสอบด้วยตาตัวเอง และตนยืนยันยันโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังส่งผลกระทบต่อวิถีการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสทุกปี และปัญหาน้ำเน่าเสีย ที่เกิดจากตะกอนมลพิษจากพื้นที่ทำการเกษตรด้านบนนับ 10 อำเภอที่จะมารวมอยู่หน้าประตูระบายน้ำ ฯก่อนระบายลงสู่แม่น้ำปากพนังและอ่าวปากพนัง ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลทุกรัฐบาลไม่มีปัญญา ไม่มีความสามารถในการแก้ไขได้ ปล่อยให้ชาวประมงพื้นบ้านรับกรรมต่อเนื่องทุกปี

“หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงใจที่จะแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชนจะต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนมันคาราคาซังมาหลายสิบปีแล้ว ที่สำคัญหากรัฐบาลดำเนินการก่อสร้างคลองผปันน้ำเลี่ยงมืองเพื่อบรรเทาน้ำท่วมตัวใองนครศรีธรรมราช มูลค่า 9,850 ล้านบาทที่จะแล้วเสร็จปี 2565-2566 น้ำเน้าเสียและตะกอนมลพิษจะไหลลงสู่อ่าวปากพนัง ปากนคร และชายฝั่งอ่าวไทยมากกว่านี้อีกหลายเท่า หากรัฐบาลไม่มีมาตรการหรือวางแผนรองรับให้ดีอ่าวไทยในจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “ทะเลเน่า” ส่งผลกระทบกับชาวประมงพื้นบ้าน ประมงชายฝั่งเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน”นายมาโนช กล่าวในที่สุด.

ยุทธนะ  เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช