UN Women ร่วมลงนามกับ110 บริษัท กระตุ้นพลังหญิง สร้างธุรกิจดี มีความเสมอภาคระหว่างเพศ
องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และ เพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women (ยูเอ็นวีเม็น) ) กระตุ้นภาคธุรกิจไทย สร้างความตระหนักและความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับพลังหญิง ตามวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ นำไปสู่การพัฒนาตามเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติที่เน้นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
ไสว ศรีไสย ผู้จัดการประจำประเทศไทยและมาเลเซีย โครงการ WeEmpowerAsia (วีเอ็มพาวเวอร์เอเชีย) ของ UN Women กล่าวถึงประโยชน์ของการมีความเสมอภาคระหว่างเพศในการทำธุรกิจว่า การสร้างพลังหญิงจะให้ผลลัพธ์ ที่เป็นประโยชน์ทั้งกับครอบครัวของพนักงานในบริษัท และเป็นประโยชน์กับบริษัทเองที่จะสามารถรักษาคน ที่มีศักยภาพให้ยังอยู่ในบริษัทได้
โดยงานพิธีลงนามและประกาศความมุ่งมั่นในการสร้างพลังผู้หญิง (The Signatories Ceremony and The Women’s Empowerment Principles จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่กรุงเทพฯ เป็นความร่วมมือระหว่าง UN Women และ สหภาพยุโรป (EU) มีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจเอกชนจากทั่วประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยาน และมีตัวแทนจาก 110 บริษัท ร่วมลงนาม การจัดงานครั้งนี้เป็นวาระฉลองครบ 100 ปี หลักการส่งเสริมศักยภาพและพลังของผู้หญิง
พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและ BNH และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช กล่าวว่า จากวันนี้ต้องขอบคุณทาง UN ที่มาประเทศไทยให้มีการเซ็นต์เรื่องของ MOU ต่อจาก WeEmpowerAsia ต้องบอกว่าผู้หญิงเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าผู้หญิงและผู้ชายต้องเดินไปด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดผู้หญิงต้องเชื่อมั่น เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้กับตัวเรา ให้กับครอบครัวเรา ให้กับสังคมของเรา และประเทศของเรา
ไอยย์ริศ สิทธิพูล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ (Founder and Cheif Executive Officer) บริษัทโน้ตเอเบิ้ล แบงค์คอก จำกัด บริษัทด้านการประชาสัมพันธ์ ได้แสดงจุดยืนการส่งเสริมพลังหญิงในองค์กรธุรกิจ มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อคุณภาพและความสำเร็จ ว่า ธุรกิจดีถ้าเราให้ความเท่าเทียม เราเห็นจากประสบการณ์การร่วมงานกับทั้งภาครัฐและเอกชน และหน่วยงานธุรกิจที่เปิดโอกาส เปิดพื้นที่ให้ความเสมอภาคระหว่างเพศ ในแง่การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศ เป็นพลังการทำงานที่ดี ซึ่งองค์กรของเราก็ขับเคลื่อนด้วยพลังหญิงอย่างแท้จริง การสร้างความมั่นใจในศักยภาพของแต่ละคน มีส่วนสำคัญมาก ต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จของงาน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของงาน ซึ่งเราเชื่อว่าพลังดีๆ แบบนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมก้าวหน้าเชิงคุณภาพไปด้วย
ทั้งนี้ การร่วมลงนามของหน่วยงานหลากหลายในภาคธุรกิจ ถือเป็นก้าวสำคัญของการผลักดันให้เศรษฐกิจโดยรวมเดินหน้าได้อย่างมีพลัง เมื่อพลังหญิงไม่ถูกละเลยอีกต่อไป ดังที่ ผู้จัดการฯ โครงการ WeEmpowerAsia กล่าวในงานพิธีลงนามฯ ว่า หากประเทศไทยสามารถทำให้คนกลับมาทำงานได้ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ จากที่บางองค์กรเหลือคนทำงานแค่ 50 เปอร์เซนต์ เพราะผู้หญิงไม่มีโอกาสทำงานนั้น หมายถึง การพัฒนาศักยภาพคนได้เต็มอัตรา ย่อมจะส่งผลให้ประเทศมีความเข้มแข็งทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง