ความคืบหน้ากรณีมีผู้บุกรุกไวรัสเจาะฐานข้อมูลระบบสารสนเทศ รพ.สระบุรีเพื่อเรียกค่าไถ่ ทำให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ไม่สามารถบำบัดรักษาผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการได้อย่างเต็มสมรรถภาพ ส่งผลให้เกิดความล่าช้า ผู้มารับบริการเสียเวลาทั้งวัน เหตุเกิดวันที่ 5 ก.ย.63
ล่าสุดสายวันนี้ (10 ก.ย.63) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ ที่โรงพยาบาลสระบุรี คงพบผู้ป่วยที่มาใช้บริการบางตาไม่หนาแน่นเหมือนหลายวันก่อนที่แล้วมา โดยมี นพ.อนันต์ กมลเนตร ผอ.รพ.สระบุรี นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบให้กำลังใจผู้ปฏิบัติ และสอบถามประชาชนที่มารอรับบริการไปยังแผนกต่างๆ อย่างทั่วถึง
นพ.อนันต์ กมลเนตร ผอ.รพ.สระบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสระบุรีได้รับความกรุณาช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย อาทิ กระทรวง ดิจิตอล โดย ท่านรัฐมนตรีพุทธิพงษ์ ปุณกัณฑ์ จัดส่งทีมไซเบอร์ 1 ทีม สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.เข้ามา พันธมิตร องศ์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือหลายหน่วยงาน ซึ่งได้มีการประชุมปฏิบัติการตั้งแต่บ่ายวานนี้ (9 ก.ย.63) และเริ่มปฏิบัติการ วิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอุปกรณ์ พยายามหาข้อมูลทั้งหมด โดยทั้งหมดร่วมกันทำงานตั้งแต่บ่านวานนนี้ จนถึง เช้าวันนี้ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ ปอท. เมื่อคืนได้ค้างที่นี่ จากการทำงานของเจ้าหน้าที่เหล่านี้คาดว่า ราว อาทิตย์ หรือ 2 อาทิตย์ น่าจะมีคำตอบได้ จากนั้นจะมีแนวทางวิเคราห์ พัฒนา และมาตรการการป้องกันในอนาคต
สำหรับข้อคำถามที่ว่า ทำไมคนร้ายจึงเจาะจงแฮ๊กข้อมูลมาที่โรงพยาบาลสระบุรี นั้น นพ.อนันต์ กมลเนตร ตอบว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่า เป็นการสุ่มเข้ามามากกว่าแต่เป็นความโชคร้ายของโรงพยาบาลสระบุรี ปกติ กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่กระทำต่อหน่วยงานของรัฐแต่จะมุ่งไปที่ บริษัทเอกชน มากกว่าที่จะสามารถเรียกค่าไถ่ได้แพงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนร้ายได้มีการติดต่อเรียกค่าไถ่ มาอีกหรือไม่ นพ.อนันต์ ตอบว่า ขณะนี้มีตัวแทนกำลังดำเนินการอยู่ จึงอยากขอร้องผู้ก่อเหตุให้เห็นใจ โรงพยาบาลสระบุรีเป็นหน่วยงานบริการสาธารณะไม่มีรายได้มากมาย ที่จะนำเงินจำนวนมากมาให้ได้
ส่วนผลกระทบที่ประชาชนมาใช้บริการจะได้รับนั้น นพ.อนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้เรายังคงรักษาความเป็นมาตรฐานในการดูแลรักษา เรามีการประชุมสรุปปัญหากันทุกเย็น ลดเวลา พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้มารับบริการ เราจะผ่านมันไปให้ได้ ในตอนท้าย นพ.อนันต์ กมลเนตร อยากฝากถึงผู้มาติดต่อใช้บริการที่โรงพยาบาลสระบุรี ในช่วงนี้โปรดนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เช่นบัตรประชาชน ประวัติการใช้ยา ซองยา หากไม่ได้ติดตัวมาให้คนทางบ้านถ่ายแล้วส่งมาทางไลน์ เพื่อเป็นการสะดวกรวดเร็วแก่แพทย์ พยาบาล และตัวท่านเองด้วย นพ.อนันต์ กล่าวสรุปในที่สุด
เกียรติยง อัศวราศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สระบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง