หมอโมโหหนัก ต่อว่าพนักงานห้ามเข้าร้านเพราะใส่เฟสชิลด์ จวกยับบ้านเรามีปัญหาในการสื่อสาร

กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความงุนงงให้กับสังคมโซเชียลอยู่ไม่น้อย เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นคุณหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก แสดงความไม่พอใจพนักงานที่ไม่ยอมให้เข้าร้านสะดวกซื้อ เพียงเพราะตนเองใส่เฟสชิลด์ ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยโดยระบุข้อความว่า 

วันนี้ผมไปโรงพยาบาลธนบุรีกับภรรยาเพื่อไปฉีดวัคซีน rabies ผมใส่เฟซชิลด์ ภรรยาใส่แมสก์ผ้า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เสร็จธุระแล้วก็กลับบ้านไปรับลูกออกมาทานอาหารกัน ขากลับประมาณ 2 ทุ่ม ระหว่างทางถือโอกาสแวะร้านสะดวกซิ้อ สาขาวัดไทร เพื่อซื้อของ ตอนเดินเข้าไป น้องพนักงานบอกว่า เข้าไม่ได้ค่ะ ผมก็งง ๆ ลูกค้าก็ไม่ได้แน่นร้าน เลยถามว่าไปว่าทำไมล่ะ น้องบอกว่า ไม่ใส่แมสก์ เข้าไม่ได้ค่ะ 

ผมก็บอกว่า ก็ผมใส่เฟซชิลด์นี่แล้วไง น้องก็ยืนยันว่า ไม่ได้ค่ะ ไม่ใส่แมสก์ เข้าไม่ได้ค่ะ ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วล่ะ เฟซชิลด์นี่ป้องกันได้ดีกว่าแมสก์นะ น้องก็ตอบว่า ไม่ทราบค่ะ หนูทำตามหน้าที่ ผมจึงหยิบแมสก์ผ้าในกระเป๋ามาคาดแล้วสวมเฟซชิลด์ทับ แต่ก็อดถามไปไม่ได้ว่าใครสั่ง น้องบอกผู้จัดการสั่ง ผมก็บอกไปว่า น้องต้องเข้าใจผิดแล้วล่ะ เฟซชิลด์นี่มันป้องกันได้ 100% นะ ผมเป็นหมอ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบุคลากรทางการแพทย์ต้องมาฟังคำสั่งจากผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ (ไม่ได้บอกไปว่า ที่มันไม่ถูกต้องด้วย) ผมไม่ได้ว่าน้อง ไม่ได้โกรธน้อง น้องทำตามหน้าที่ ผมเข้าใจ แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมทางร้านยอมรับการใช้แมสก์ผ้าที่มีป้องกันที่ต่ำกว่าให้เข้าร้านได้ แต่เฟซชิลด์ที่ให้การป้องกันที่ดีกว่าเข้าไม่ได้ ผมรู้ตัวว่าเวลาผมหงุดหงิดเสียงผมก็ดัง น้องก็คงเอือมผมแล้ว ผมจึงหยุดโต้เถียงกับน้อง แล้วเดินเข้าไปหาซื้อสิ่งที่ต้องการ แต่ไม่มีจึงเดินกลับออกมา

ผมกำลังสงสัยว่า บ้านเรามีปัญหาในการสื่อสารกันหรือเปล่า ตัวผมหรือผู้จัดการร้านหรือพนักงาน ใครเข้าใจผิด ตกลงแมสก์ผ้ามันป้องกันการติดโควิดได้ดีกว่าเฟซชิลด์เหรอ ใครที่รู้เรื่องช่วยยืนยันให้หน่อยสิ....

และหลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์ เกิดการแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมากซึ่งหลายคนต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า การใส่เฟสชิลด์แค่อย่างเดียวนั้น ไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ จำเป็นต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยด้วย