สตม.รวบชาวจีนเปิดบริษัทบังหน้า ปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยโหดเกินกฎหมายกำหนด
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และกองบังคับการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวการปล่อยเงินกู้เกินกฎหมายกำหนด ซึ่งต่อมาทางชุดสืบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชุดป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน ได้ทำการสืบทราบเบาะแสจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนได้ร่วมกันเปิด บริษัท ไทยลัคกี้เทรด จำกัด โดยจดทะเบียนพาณิชย์ประกอบกิจการเกี่ยวกับ นาฬิกา แว่นตา อุปกรณ์ถ่ายภาพบังหน้า บริษัทตั้งอยู่เลขที่ 50/15-16 ถ.วุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. บริษัทดังกล่าว ประกอบธุรกิจปล่อยเงินกู้(สินเชื่อ) ในรูปแบบของการผ่านแอพพลิเคชั่น ชื่อ cash home โดยฝ่ายขายจะทำการติดต่อพูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องทาง โทรศัพท์ เพื่อชักชวนให้ลูกค้าเข้ามาทำการกู้ยืมเงินกับบริษัท โดยหากลูกค้าตกลงที่จะกู้แล้ว จะทำการส่งลิงค์ โหลดแอพพลิเคชั่น cash home แล้วจากนั้น ฝ่ายขายจะส่งเรื่องไปยังฝ่ายตรวจสอบ โดยทางบริษัทจะทำการวิดีโอคอลหาลูกค้าเพื่อยืนยันตัวตนด้วยสำเนาบัตรประชาชนและยืนยันกับบุคคลอ้างอิงอีก 3 ราย ซึ่งหากผ่าน หลักเกณฑ์ บริษัทจะโอนเงินให้กับผู้กู้ทันที
โดยในการปล่อยเงินกู้นั้นปล่อยกู้รายละ 2,000-20,000 บาท 1.ผู้กู้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้า สมัครเป็นจำนวนร้อยละ 42 ของอัตราเงินกู้ 2.มีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.05 ต่อวัน 3.ระยะการกู้เงินนั้น จะต้องมีการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยคืนภายในระยะเวลา 7 วัน ถ้าหากไม่คืนจะต้องมีการ เสียค่าปรับร้อยละ 5 ต่อวัน 4.ถ้าหากผู้กู้ไม่ทำการชำระหนี้ ฝ่ายเร่งรัดหนี้ จะทำการติดต่อไปยังบุคคลที่ 3 ซึ่ง เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกหนี้ เพื่อติดต่อให้ลูกหนี้ทำการชำระหนี้ดังกล่าว โดยกลุ่มบุคคลชาวจีนที่เข้ามา ประกอบกิจการ มี จำนวน 5 คน ซึ่งศาลอาญาธนบุรี ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 5 คนดังนี้
1.นายหลัว เหมิง เหมิง อายุ 27 ปี (ทำหน้าที่ดูแลระบบ และบัญชีเงินเข้า – ออก)
2.นายลี เค่อหยู อายุ 41 ปี (ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสั่งการต่างๆในบริษัท)
3.นายเชี่ย กัวจุน อายุ 39 ปี (ทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนบริษัท และดูแลการจัดการทั่วไป)
4.นายเจิง ย่าช่วย อายุ 25 ปี (ทำหน้าที่ดูแลระบบคอลเซ็นเตอร์และการอนุมัติสินเชื่อ)
5.นายเจิง เฟย อายุ 30 ปี (ทำหน้าที่ฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน)
ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นตามการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” (อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ต่อหนึ่งกรรม ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด จากการตรวจค้นพบ คอมพิวเตอร์จำนวน 82 เครื่อง โทรศัพท์มือถือกว่า 100 เครื่อง สมุดบัญชี และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาชามจีนตามหมายจับได้ทั้งหมด 5 คน และจับกุมนายหยุย เชี่ย อายุ 26 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวผู้ต้องหาชาวทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนพนักงานคนไทยกว่า 70 คน ทำงานแบ่งเป็นแผนกดังนี้ แผนกฝ่ายบุคคล แผนกทะเบียนลูกค้า แผนกการเงิน และแผนกติดตามทวงหนี้ ซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะทำการสืบสวน ขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง