ข่าว

สมาคมสิทธิเสรีภาพฯ ร่อนจดหมายถึงนายกฯ พิจารณาปล่อยตัวนักโทษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาปล่อยตัวนักโทษในเรือนจำ เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโควิด-19

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาปล่อยตัวนักโทษในเรือนจำ เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากเกิดความแออัดในกลุ่มนักโทษจนอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มนักโทษ 

 

สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำในปัจจุบันมีผู้ต้องขังทั้งประเทศจำนวน 377,769 คน ซึ่งเกินความจุเรือนจำอยู่กว่า 123,000 คน เป็นสภาวะคนล้นคุก กระทั่งกรมราชทัณฑ์ได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำต่าง ๆ คือ การงดเว้นการเยี่ยม การงดเว้นการนำผู้ต้องขังออกไปทำงานภายนอกเรือนจำ การงดเว้นการให้บุคคลภายนอกเข้ามาทำกิจกรรมภายในเรือนจำ การคัดกรองผู้ต้องขังเข้าใหม่ การให้ผู้ต้องขังสวมหน้ากากและล้างมือเป็นประจำ

 

 

 

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เห็นว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของคนไทยหรือของคนทั่วโลก และเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินต่อความอยู่รอดของมนุษย์ และเห็นว่าสิทธิการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลทุกคน ฉะนั้น หลักสิทธิการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพดังกล่าวคุ้มครองบุคคลทุกคน แม้บุคคลที่ถูกจำกัดอิสรภาพ เช่น ผู้ต้องขัง

 

 

 

สสส. เห็นว่าแม้กรมราชทัณฑ์จะใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งบางมาตรการมีผลในการจำกัดสิทธิของผู้ต้องขังเป็นอย่างมากจนก่อให้เกิดความไม่สงบในเรือนจำบางแห่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ในเรือนจำได้ จึงสมควรให้มีการใช้มาตรการปล่อยตัวผู้ต้องขังในภาวะฉุกเฉินเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังที่หลายประเทศได้ใช้มาตรการเหล่านี้ไปแล้ว

 

 

 

ทาง สสส. เห็นพ้องกับหลักการตามข้อเสนอของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศ (องค์การมหาชน) โดยให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังบางกลุ่มที่สมควรอยู่ในเรือนจําน้อยที่สุด โดยพิจารณาจากลักษณะความผิด ซึ่งต้องไม่ใช้กับผู้ต้องขังคดีร้ายแรง ความประพฤติ โทษคงเหลือ ตลอดจนภาวะความเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยใช้หลักเกณฑ์ วิธีการหรือมาตการต่างๆ ที่เหมาะสม อาทิ การปล่อยก่อนกำหนด การพักโทษ การปล่อยตัวชั่วคราว และการเปลี่ยนโทษจำคุกที่เหลือเป็นการควบคุมตัวที่บ้าน ดังต่อไปนี้

 

 

 

1. ผู้ต้องขังระหว่างที่คดียังไม่เสร็จเด็ดขาด ประกอบด้วย ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสอบสวน การไต่สวนพิจารณา และการอุทธรณ์ฎีกา รวมทั้งผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง

 

 

2. ผู้ต้องขังเด็ดขาดที่อายุมากกว่า 60 ปี

 

 

3. ผู้ต้องขังเด็ดขาดที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคระบบการหายใจเรื้อรัง และโรคมะเร็ง

 

 

4. ผู้ต้องขังหญิงที่ตั้งครรภ์

 

 

5. ผู้ต้องขังเด็ดขาดที่เหลือโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีลงไป

 

 

6. ผู้ต้องขังเด็ดขาดกลุ่มคดีอื่นๆ ที่มีความผิดไม่ร้ายแรง (อาทิ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.การพนัน คดีลหโุทษ ฯลฯ)

 

 

7. ผู้ต้องขังคดีเกี่ยวกับการการมีส่วนร่วมสาธารณะ และผู้ต้องขังคดีที่มีสาเหตุทางการเมือง

 

 

 

สสส. ยืนยันว่า ก่อนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง จากสถานที่คุมขัง ควรกำหนดแนวทางและมาตรการการคัดกรองด้านสุขภาพก่อนการปล่อยตัว การให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ควรมีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ เพื่อจัดให้มีระบบการดูแลและการติดตามที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็น ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือในการดำรงชีพ และการประกอบอาชีพตามความจำเป็นของแต่ละบุคคลต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ