อุดรปิด 2 ศูนย์กักผีน้อย พร้อมส่งกลับบ้าน แต่เก็บไว้หนึ่งศูนย์เป็นจุดพัก และบริการ
วันที่ 12 มีนาคม 2563 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.อุดรธานี ครั้งที่ 3/2563 เพื่อปิดศูนย์กักกันผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงโรคโควิด 19 ทั้ง 2 แห่ง คือ ที่ กก.ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ ที่เป็นสถานที่กักตัวผู้หญิง ที่มีจำนวน 27 คน และ ที่กองร้อย อส.อุดรธานี ที่กักตัวผู้ชาย จำนวน 16 คน
ทั้งนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี ได้หารือที่ประชุมให้คงศูนย์กักกันที่กองร้อย อส.อุดรธานี ที่ตั้งอยู่ห่างจากชุมชนพอสมควร เพื่อเป็นสถานที่สำรองเอาไว้เป็นจุดพักและบริการบุคคลที่เดินทางทางมากจากประเทศพื้นที่เสี่ยง ก่อนที่จะกระจายเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเป็นจุดเตรียมกระจายคนกลับบ้าน หรือสำรองไว้สำหรับผู้ที่เดินทางกลับมา แต่ไม่สามารถกลับไปกักตัวเองอยู่ที่บ้านได้ เพราะปัญหาต่าง ๆ โดยสั่งการให้ทำการปรับปรุงตัวอาคารให้แยกเป็นสัดส่วน ชาย- หญิง ออกจากกันอย่างชัดเจน และให้เสริมรถห้องน้ำเคลื่อนที่ของ อบจ.อุดรธานี และหลังจากทำการปิดศูนย์ ส่งผู้ถูกกักตัวกลับภูมิลำเนาแล้ว รวมทั้งจะใช้เป็นสถานที่รับผู้ที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากศูนย์กักกันที่ อ.สัตหีบ ที่เป็นชาว จ.อุดรธานี จำนวน 30 คน ซึ่งจะเดินทางมาถึง จ.อุดรธานี ในวันพรุ่งนี้
ต่อมาในเวลา 13.00 น. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี พร้อมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.อุดรธานี และหน่วยราชการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยัง สถานที่ใช้กักตัวผู้เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่ กก.ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ เป็นหญิง จำนวน 27 คน และ กองร้อย อส.อุดรธานี เพื่อทำการปิดศูนย์ และปล่อยตัวผู้ที่กักตัวเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเอง โดยมีการปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีตามแนวทางการควบคุมป้องกันอย่างเข้มงวด โดยฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามร่างกาย ทั้งผู้ที่มารับ และผู้ที่ถูกกัก รวมทั้ง กระเป๋าสัมภาระ รวมทั้งฉีดฆ่าเชื้อภายในรถที่จะเป็นพาหนะนำตัวไปส่งยังภูมิลำเนา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของ สนง.สาธารณสุข ได้ติดตามไปส่งตัวถึงบ้าน เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติในการดูแลบุคคลที่ถูกปล่อยตัวกลับไปกักตัวเองที่บ้าน รวมถึงญาติ ผู้ใกล้ชิด คนในครอบครัว และเพื่อนบ้าน ให้เข้าใจ เพื่อไม่ให้มีปัญหาอื่นตามมา
ขณะที่ญาติๆ หลายคน เปิดเผยว่า หลังจากให้กลับบ้านก็จะจัดเตรียมบ้านให้อยู่อีกหลัง หรืออยู่ในบ้านสวนคนเดียวไปก่อน ก็จะเตรียมอุปกรณ์ในการทำอาหาร หม้อหุงข้าว หม้อนึ่งข้าวเตรียมไว้ให้ลูกด้วย โดยจะปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ก็จะรีบโทรแจ้งทันที ส่วนถามว่ามีความรู้สึกกังวลใจมั้ย หลายคนบอกว่า ก็ยังวิตกอยู่ แต่ก็จะป้องกันให้ดีที่สุด เพราะทางคุณหมอให้ความมั่นใจว่าหากมีอาการไข้หรือสุ่มเสี่ยงจะเป็นโควิด 19 แล้วให้รีบโทรแจ้งทันที
ส่วน น.ส.เอ ผีน้อยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เพิ่งกลับจากเกาหลีใต้เมื่อ 3 วันก่อน จากนั้นก็ถูกนำตัวมากักตัวที่ค่ายตชด.24 แห่งนี้ แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า จะให้กลับบ้าน หลังจากกลับไปอยู่บ้านก็จะปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอที่บอกเอาไว้ ก็จะแยกตัวอยู่คนเดียวให้พ้น 14 วันก่อน ยังจะไม่พบปะกับญาติพี่น้อง ก็ภาวนาอย่าให้ตนเองป่วยเป็นโควิด-19
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.อุดรานี มีมติให้คงค่ายกักตัวผู้เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่กองร้อย อส.อุดรธานี ไว้ เพื่อสำหรับลูกหลานของเราหากกลับบ้านไปแล้ว ไม่สบายใจ หรือ เพื่อนบ้านไม่สบายใจ ให้แจ้ง อสม.หมู่บ้าน กำนัน ผญบ. นายอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ เพื่อขอกลับมาอยู่ที่นี่ได้ฟรีทุกอย่างจนครบ 14 วัน นอกจากนี้อุดรธานีเป็นปลายทางของรถ ที่ขนผู้โดยสารลงจากเครื่องกลับมา ซึ่งรถแต่ละคันมาถึงไม่พร้อมกัน โดยที่นี่จะเป็นศูนย์ให้ผู้ที่เดินทางมาถึงได้พัก รอให้ญาติที่มาจากจังหวัดต่าง ๆ มารีบกลับบ้าน
ส่วนวันพรุ่งนี้ลูกหลายเราอีก 30 คน ที่มาจากสัตหีบ จะมาลงรถที่แห่งนี้ เพื่อจะไม่ต้องกระจายไปส่งตามที่ต่าง ๆ เช่น สถานีขนส่ง เพื่อจะไม่ได้ปะปนกับคนทั่วไป เมื่อมาส่งตัวที่นี่ จะมีแพทย์ พยาบาล สอนวิธีดำรงชีวิตว่า อยู่บ้านเราจะอยู่อย่างไร การทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งร่างกายของตัวเองอย่างไร โดยจะแจกแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อแพทย์ พยาบาล เพื่อติดต่อภายใน 14 วัน เป็นจุดพักและบริการให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กลับไปกักตัวเองที่บ้าน โดยทางขนส่งจังหวัด จะแจ้งให้รถที่มาส่งตัวปลายทางที่ จ.อุดรธานี ต้องมาที่จุดพักแห่งนี้ทุกคัน หากมาถึงกลางวัน เมื่ออบรมแล้วจะกลับบ้านก็กลับได้เลย หากมาถึงกลางคืนก็สามารถนอนพักผ่อนรอเช้า ซึ่งมีที่นอนหนอมมุ้งไว้ให้ครบ ใช้เสร็จก็สามารถนำกลับบ้านได้เลย หรือหากอยากจะอยู่ที่นี่จนครบ 14 วัน ก็สามารถอยู่ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว ภูมิภาค จ.อุดรธานี คมชัดลึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง