อิตาลีพักแข่งกีฬาทุกชนิดป้องกันโควิด-19

 

 

สถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของอิตาลีในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติหลังพบผู้ติดเชื้อมากถึง 9,100 ราย และเสียชีวิตเกิน 463 ราย ซึ่งทำให้ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการประกาศปิดเมืองใน 4 แคว้นทางเหนือของประเทศ รวมถึงแคว้นลอมบาร์ดีที่มีการระบาดหนักที่สุด ถึงกระนั้นกลับยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

 

 

ขณะที่การแข่งขันกีฬาก็ได้มีการยกเลิก และเลื่อนไปหลายรายการ เช่นเดียวกับฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา ซึ่งถึงแม้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันกันได้ในบางคู่ แต่ก็ต้องมีการแข่งขันแบบปิดสนามไม่ให้แฟนบอลเข้าชม

 

และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม คณะกรรมการโอลิมปิกอิตาลี (โคนี) ได้เผยถึงมติการประชุมเร่งด่วนกับสหพันธ์กีฬาต่างๆว่า ควรยกเลิกการแข่งขันกีฬาทุกประเภท และทุกระดับทั่วประเทศอิตาลี ยกเว้นรายการที่สโมสร หรือทีมชาติอิตาลีลงแข่งขันในรายการระดับนานาชาติ เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น

 

“นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์” โคนี ออกแถลงการณ์ถึงประเด็นดังกล่าว

ต่อมา จูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ออกแถลงการณ์ว่าจะทำการปิดเมืองทั่วประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยประชาชนไม่ควรเดินทางออกจากบ้านนอกจากไปทำงาน หรือกรณีฉุกเฉิน และไม่สามารถเข้าออกพื้นที่ในเขตกักกันได้

 

นอกจากนั้นยังห้ามมีการจัดกิจกรรมต่างๆในที่สาธารณะทุกชนิดรวมถึงการแข่งขันกีฬาจนถึงวันที่ 3 เมษายนอีกด้วย โดยระบุว่า “เรามีมาตรการที่เข้มงวดในด้านกีฬา โดย เซเรีย อา และการแข่งขันกีฬาอื่นๆจะถูกระงับไว้ก่อน ซึ่งแฟนบอลทุกคนต้องยอมรับในเรื่องนี้”

 

 

 

ขณะที่ประเทศอังกฤษซึ่งพบผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เช่นกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าการแข่งขันกีฬาจะสามารถจัดต่อไปได้หรือไม่ โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีผู้ติดตามทั่วโลก

 

อย่างไรก็ตามกระทรวงวัฒนธรรมสื่อ และกีฬาของอังกฤษได้ทำการประชุมกับหน่วยงานด้านกีฬาของประเทศทั้งภาครัฐ และเอกชน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม และได้ข้อสรุปว่าจะไม่มีการเลื่อนการแข่งขันกีฬาในประเทศแต่อย่างใด

 

โดย โอลิเวอร์ โดวเดน รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมสื่อ และกีฬาของอังกฤษ เปิดเผยว่า “การแข่งขันกีฬาในอังกฤษ และสหราชอาณาจักรยังจะไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตามการปิดสนามแข่งขันในกีฬาต่างๆก็สามารถที่ทำได้หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในทางที่เลวร้ายกว่านี้”