กรมชลฯเปิดโครงการจ้างแรงงานภาคเกษตรเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและโรคโควิด-19 ภัยแล้งที่ทำให้รายได้เกษตรกรหดหาย รวมทั้งมีปัญหาถึงเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
9 มีนาคม 2563 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้เริ่มโครงการว่าจ้างแรงงานเกษตรกรใน 76 จังหวัด มีเป้าหมาย 41,000 คน งบประมาณ 3,100 ล้านบาท
ซึ่งครม. เห็นชอบแผนงานและอนุมัติงบประมาณให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งในปี 2562/2563 ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้และบางพื้นที่แล้งจัดถึงขั้นเพาะปลูกพืชใด ๆ ไม่ได้เลย จึงจัดทำโครงการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้เลี้ยงครอบครัว
นอกจากนี้ภาคเกษตรยังได้รับผลกระทบต่อการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากยอดการส่งออกสินค้าเกษตรลดลง อีกทั้งการท่องเที่ยวซบเซาทำให้การบริโภคลดลง ดังนั้นจึงเร่งดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่กำชับทุกหน่วยงานถึงการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยให้ทบทวนแผนงานและปรับให้สอดรับกับเป้าหมาย 3 ประการคือ ลดผลกระทบจากภัยแล้ง โรคโควิด-19 และเศรษฐกิจของประเทศ โดยหากแผนงานใดพร้อมให้ดำเนินการทันที
ทั้งนี้กรมชลประทานเปิดโครงการที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากระเสียว จ. สุพรรณบุรี เป็นแห่งแรกเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่น้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำกระเสียวต่ำกว่าร้อยละ 30 อยู่ในเกณฑ์น้อยมาก ไม่สามารถสนับสนุนการทำนาปรังได้ ดังนั้นคณะกรรมการจัดการชลประทานและคณะกรรมการกลุ่มบริหารการใช้น้ำจึงเป็นสักขีพยานในการรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการว่าจ้างแรงงานเข้าทำงาน มีเกษตรกรในอ. เดิมบางนางบวชและหนองหญ้าไซมาสมัคร120 คน ได้ค่าจ้างวันละ 377 บาท ระยะเวลาทำงานประมาณ 2 เดือน
โดยช่วยเจ้าหน้าที่บำรุงรักษาคลองส่งน้ำและซ่อมแซมอาคารชลประทาน ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเพิ่มศักยภาพการเก็บกักน้ำให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอใช้จนถึงฤดูแล้งปีเพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ
“การรับสมัครว่าจ้างแรงงานเกษตรกรทุกพื้นที่จะเปิดจุดคัดกรองโรคโควิด-19 และให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคนี้” นายทองเปลวกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง