คอลัมน์ รุกฆาต นสพ.คมชัดลึก
บายไลน์ นิคม [email protected]
นักเตะไทยไล่ถล่มบาห์เรน 5-0 นี่คือสกอร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ท่ามกลางแฟนบอลไม่กี่พันในคืนอันเงียบเหงาที่สนามชามอ่างยักษ์ ความจุเกือบ 5 หมื่นคน
ช้างศึก ยู 23 เดินเข้าสู่สมรภูมิชิงแชมป์เอเชียเพื่อแย่งตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020 แบบที่ไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านั้นในศึกซีเกมส์ มีการ “ทดลอง” ทีมแล้ว เล่นไม่น่าประทับใจและมองแทบไม่เห็นอนาคต
นักฟุตบอลไทยมีแต่คำว่า “สู้เต็มที่” และ “ขอกำลังใจแฟนบอลไปเชียร์กันเยอะๆ ครับ”
เกมแรกที่ได้ชัยชนะอันสวยงาม แฟนบอลไทยในสนามวันนั้นได้ฉลองกันเต็มที่ ตะโกนร้องเพลงออกไปมีแต่เสียงสะท้อนก้องกลับมาเพราะความโหรงเหรงของสนาม
เกมที่ 2 ฉลองวันเด็ก แฟนบอลเข้าสนามได้มากขึ้น เราแพ้ ออสเตรเลีย 1-2 มีแฟนบอลเข้าชม 2 หมื่นกว่าคน มากที่สุดนับตั้งแต่รายการนี้ถูกจัดขึ้นมา 4 ครั้ง
แฟนบอลหนาตา กระนั้นก็ยังไม่ถึงครึ่งสนาม
ไทยเป็นเจ้าภาพศึกนี้เพราะอยากจัดกีฬา เพราะแฟนบอลจะได้ดูบอลดีๆ เพราะต้องการให้ทีมไทยได้เปรียบจากการเล่นในบ้านเพิ่มโอกาสในการไปโอลิมปิก
แต่สิ่งที่เราทำกลับไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเราจะทำให้มันเกิดประโยชน์ได้ตามต้องการ เมื่อการปรับปรุงสนามเสร็จแบบฉิวเฉียด การจัดการด้านอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องการแข่งขัน เรื่องธุรกิจสิทธิประโยชน์ การสร้างสรรค์ สีสันต่างๆ ของการแข่งขันเบาและบางเหลือเกิน
ไม่มีการสร้างแรงจูงใจทำให้คนดูเข้าสนามมากๆ เพราะแฟนบอลไทยนั้นเดาใจยาก เงื่อนไข ข้อจำกัดมากมายในการไปดูบอล จำนวนคนบ้าบอลเข้าเส้นเลือดก็มีไม่มากพอ พวกดูบอลตามกระแสเกลื่อนเมือง
ในฟุตบอลระดับสูงเช่นนี้ต้องคิดให้ได้ว่าถ้าคนดูในราชมังคลากีฬาสถานไม่ถึง 4 หมื่นคน ถือว่าสอบตก
เราจัดไปตามสูตรงั้นๆ เอง คิดว่าจัดได้ก็จัดไป ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ขนาดนักเตะนั่งรถจากแคมป์ไปสนามแข่งขันวันแรกยังเจอสภาพรถติดหนัก กว่าจะไปถึงต้องยกเลิกกำหนดการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน้าสนาม
ไม่มีการวางแผนใดๆ ว่าเราเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ต้องสร้างมาตรฐานการจัดฟุตบอลระดับนานาชาติ ให้สมกับที่เราคิดจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจึงเป็นไปในแบบ “อะไรก็เกิดขึ้นได้” แฟนบอลน้อย...เราชนะ แฟนบอลเยอะขึ้น...เราแพ้ หากแต่จำนวนแฟนบอลในสนามสามารถเค้นฟอร์มนักเตะเพิ่มขึ้นได้จริงๆ ซึ่งเรารู้ แต่ไม่มีความพยายามทำใดๆ ปล่อยไปตามความรู้สึกและอารมณ์
สิ่งที่เราถนัดทำก็คือ การอัดฉีด ยิ่งมากยิ่งดี มากซะจนไม่เคยมีการให้เงินรางวัลกีฬาใดในประเทศไทยที่จ่าย 10 ล้านบาทจากการเล่นเพียงนัดเดียว
สภาพที่เราเห็นและเป็นอยู่มันช่างดูพิกลพิการ “ช้างศึก” เดินไปบนเส้นทางที่บิดเบี้ยว
โอกาสเรายังมีเต็มเปี่ยมที่จะเข้ารอบน็อกเอาท์ในเกมเจอ อิรัก วันที่ 14 มกราคม แฟนบอลไทยควรต้องเข้าไปดูให้เต็มสนาม...แต่มันก็มีเหตุผลมากมายที่เราจะไม่ไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง