เครือข่ายเยาวชนหนุนจุดยืน สธ. แบนสารเคมีอันตราย

          เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 -  นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับมอบหมายจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับหนังสือจากตัวแทนเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth) เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เครือข่ายเยาวชนจิตอาสา เครือข่ายเยาวชนนักขับเคลื่อนสังคม เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ฯลฯ เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในการยืนยันจุดยืนแบน 3 สารเคมีอันตราย

          นายสุรนารถ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth) กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการรวมตัวของเครือข่ายเยาวชน ในฐานะตัวแทนของผู้บริโภค ที่ได้บริโภคอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อนมายาวนาน เราต้องการมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเชื่อว่าการเดินหน้าของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะช่วยปกป้องคุ้มครองคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยมี 4 ข้อเสนอ คือ

          1.ขอสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้ายกเลิกการใช้ 3 สารเคมีอันตราย ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย และขอให้ยึดมั่นในจุดยืนเพื่อประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ทางการค้า 2.สนับสนุนให้รัฐบาล ดำเนินการทุกวิถีทางทำเพื่อเด็กและเยาวชนและประชาชนเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย และเติบโตภายใต้บริบทสังคมที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการของเด็ก ทั้งมิติของอาหารและสิ่งแวดล้อม 3.เครือข่ายฯมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมี จึงขอสนับสนุนให้มีการใช้แนวทางเกษตรกรรมและการผลิตอาหารที่ยั่งยืน เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภค โดยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ และ 4.ขอชื่นชมจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขที่มีความชัดเจนในการปกป้องสุขภาพประชาชน และยินดีเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและพัฒนาประเทศให้มีระบบอาหารที่ปลอดภัยและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค      

          ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณกำลังใจในการสนับสนุนของเครือข่ายฯ กระทรวงสาธารณสุขมีจุดยืนที่ชัดเจนในการแบนสารเคมีอันตราย ไม่เฉพาะ 3 สารเคมีนี้ โดยนายอนุทิน เห็นว่าสุขภาพประชาชนเป็นสิ่งที่ต่อรองไม่ได้ ต้องยึดถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีมากที่สุดคือเกษตรกร ไม่เพียงรับพิษแบบเฉียบพลัน แต่รวมไปถึงผลกระทบในระยะยาวจากการปนเปื้อนในผักผลไม้ เหตุนี้เองทำให้กระทรวงสาธารณสุขยอมรับไม่ได้ และขอแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะทำเพื่อพี่น้องประชาชนสิ่งใดที่อยู่ในหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขจะทำให้ดีที่สุด