ข่าว

ทวงจุดยืน สุริยะ เลื่อนแบน 3 สารอีก 6 เดือน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เครือข่ายแบน 3 สาร ทวงจุดยืน สุริยะ เลื่อนแบน อีก 6 เดือน จริงหรือไม่ ถามยื้อเวลาเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือผลักระบายสู่เกษตรกร แฉเอกชนส่งสารกลับประเทศต้นท

 

24 พฤศจิกายน 2562  เครือข่ายแบน 3 สาร ทวงจุดยืน สุริยะ เลื่อนการแบน อีก 6 เดือน จริงหรือไม่ ถามยื้อเวลาเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือผลักระบายสู่เกษตรกร แฉเอกชนส่งสารกลับประเทศต้นทางไม่ได้ เพราะลักลอบเข้ามาหรือไม่ ทำให้ไม่มีที่มาของสาร  

 

 

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) กล่าวว่าจุดยืนของเครือข่ายต้านสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร กว่า 300 องค์กร ยืนยันให้คงมติแบน 3 สารพิษ ในวันที่ 1 ธ.ค.62 และสต๊อกสารเคมี 3 ชนิดที่ยังเหลือ 40 ล้านกก.ให้ส่งกลับคืนประเทศต้นทางตามหลักการปฏิบัติของกว่า 50 ประเทศ ที่ประกาศแบน 3 สารนี้ล้วนดำเนินการมาแล้ว

 

หากเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้การแบนสารไปอีก 6 เดือน จะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ไม่ให้สต๊อก 3 สารที่เหลือจะเกือบ 3 -4 หมื่นตัน ตัวเลขก็ยังไมนิ่ง ผลักระบายไปสู่ภาคเกษตร และไม่ควรเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะเป็นเรื่องน่าสงสารมากทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค 


“การประกาศให้มีผลการแบน 3 สาร ต้องไม่ทบทวน ยืนยันวันที่ 1 ธ.ค. แต่ว่าประกาศมีผลบังคับใช้ เมื่อไหร่ กระทรวงเกษตรฯต้องพิจารณา ในส่วนเกี่ยวข้องกับการตกลงระหว่างประเทศที่มีกรอบเวลา เป็นเงื่อนไขปฏิบัติการค้าระหว่างประเทศที่ต้องแจ้งภายใน 6 เดือน ที่อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องการกีดกันทางค้า สำหรับประเทศที่ส่งสินค้ามาไทย 


นอกจากนี้ในเรื่องหนังสือของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯที่เพิ่งส่งให้กับองค์การค้าโลก ลงวันที่ 6 พ.ย.ยื่นในเรื่องแนวปฏิบัติ เรื่องสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ความตกลงภายใต้องค์การค้าโลก ที่ต้องแจ้งการแบนสารเคมี ภายใน 60 วัน แต่กระทรวงเกษตรฯ ส่งไปองค์การการค้าโลกว่า มีผลแบน 3 สารวันที่ 1 ธ.ค.62 ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากรอบระยะเวลา กำหนดให้ส่งล่วงหน้าภายใน 6 เดือน

 

ถามว่าข้าราชการ รู้แต่ทำไมไม่แจ้งรัฐมนตรีเกษตรฯ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของฝ่ายข้าราชการประจำในขั้นตอนการยื่นองค์การการโลก กลายเป็นว่าข้าราชการ ต้องการยื้อเอง จริง ๆ ควรบอกล่วงหน้าตั้งแต่เดือนมิ.ย.เพื่อ ให้มีผล เดือน ธ.ค.  แต่ทั้งนี้กรอบข้อตกลงเป็นเรื่องทางเทคนิกระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกฎหมายการแบนสาร 3 ชนิดในประเทศไทย 

 

ทั้งนี้ในทางปฏิบัติของกฎหมายก็เหมือนกับได้แบน 3 สารมาแล้ว เนื่องจากผ่านมากระทรวงเกษตรฯโดยน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯได้ออกคำสั่งห้ามนำเข้า 3 สาร ตั้งแต่ 30 มิ.ย.62 ดังนั้นผู้ประกอบการ รู้แล้วว่าต้องส่งสารเคมี ที่ค้างสต๊อกส่งกลับประเทศต้นทาง เพื่อไม่ให้ระบายไปภาคเกษตร ซึ่งกลุ่มเกษตรกร หรือม็อบชุดดำ ที่ออกมาประท้วง อาจยังไม่เข้าใจแนวทางช่วยเหลือ ถ้ากระทรวงเกษตรฯมีมาตรการรองรับ ทางเลือกชัดเจน เกษตรกรก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะไม่ยอมรับ คงเหลือแต่ผู้ประกอบการเท่านั้น 

 

นายวิฑูรย์ กล่าวว่ากรณีที่สต๊อกสารเคมี ตัวเลขยังไม่นิ่ง อาจมียอดจากลักลอบนำเข้า นี่เป็นประเด็นสาเหตุทำไมต้องการยืดเวลาแบน เพราะส่งกลับประเทศต้นทางไม่ได้เพราะไม่มีที่มาของสาร 


“ปริมาณสารเหลือ 40 ล้านกก.เป็นยอด 20% ของการนำเข้าทุกปี 200 ล้านกก.สาร 3 ตัว ยอด 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันคงเหลือประมาณ 6 พันล้านบาท ยังมีการลักลอบนำเข้าตามชายแดน นี่คือเหตุทำไมต้องการยืดเวลา ในด้านหนึ่งเพื่อผลักภาระให้ 3 สารเคมีไปอยู่มือเกษตรกร เพราะส่งกลับไม่ได้ ไม่มีที่มา” นายวิฑูรย์ กล่าว

 

ในส่วนกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ระบุว่าจะเลื่อนแบน 3 สาร นั้นตนไม่แน่ใจคำพูด นายสุริยะ จริง ๆ หรือไม่ ซึ่งทวงถามจุดยืนของนายสุริยะ ด้วยกระแสสังคมต้องการให้แบนโดยเร็วที่สุด แต่ให้การแบนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้องมีความชัดเจน ถ้าไปยึดกรอบองค์การค้าโลก ที่เป็นปัญหาเทคนิค ขั้นตอนการส่งหนังสือของกระทรวงเกษตรฯแจ้งเรื่องการแบน ส่งองค์การค้าโลก ส่งไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ตามขั้นตอนต้องส่งล่วงหน้า 60 วัน หลังจากประกาศอย่างเป็นทางการ 
 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ