การแบ่งงานให้รองนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯเป็นที่น่าจับตาว่าจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง2ป.หรือไม่ ฟังวิเคราะห์ในรายการ เนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3บก.
รายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก. ซึ่งออกอากาศทางเนชั่นทีวีช่อง 22 วันที่ 3 ส.ค. 2562 เวลา 17.00 น. ตอน 'เสาค้ำยันรัฐบาลลุงตู่-ตัดตอนบารมีลุงป้อมหรือไม่'
สำหรับรายการในวันนี้มีเพียง 2 บก. คือ นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษรและนายบากบั่น บุญเลิศ เนื่องจากนายสมชาย มีเสน พักชั่วคราวฟื้นฟูสุขภาพ
โดยการวิเคราะห์เริ่มจากว่า หลังการแถลงนโยบายรัฐบาล, การประชุมคณะรัฐมนตรี และการแบ่งงานให้รองนายกฯ ทำหน้าที่ ปรากฏการณ์ที่ถูกจับตามองคืออนาคตของ “รัฐบาลลุงตู่” จะไปเดินต่ออย่างไร 4 เสาที่ค้ำยันรัฐบาลจะช่วยให้รัฐบาลอยู่สั้นหรืออยู่ยาว ตัวแปรหลักคือเสาในด้านเศรษฐกิจและเสาในด้านความมั่นคง การลดดอกเบี้ยของเฟดในรอบ 11 ปี สะท้อนถึงเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนัก
ขณะที่ด้านความมั่นคงมีเหตุวางระเบิดป่วนเมืองเกิดขึ้นหลายจุดต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะการเลือกพื้นที่เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ราชการซึ่งมีที่ตั้งใกล้กับกองทัพ สถานีรถไฟฟ้าสาทรศูนย์กลางเศรษฐกิจของไทย และระเบิดปลอมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รอบนี้นายกฯเลือกที่จะควบตำแหน่งรมว.กลาโหลและกำกับดูแลสตช.ด้วยตนเอง
“บิ๊กป้อม” ยังเป็นเสาหลักด้านความมั่นคง
สำหรับงานที่จัดแบ่งให้กับรองนายกฯทั้ง 5 คน มีดังนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งเคยรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ปัจจุบันเหลือเพียงกระทรวงดิจิตอล กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
พูดได้ว่า “บิ๊กป้อม” ยังรับผิดชอบงานความมั่นคงทางไซเบอร์ บริหารจัดการน้ำโดยผันน้ำจากแม่น้ำโขงเข้าสู่พื้นที่ภาคอีสาน งบฯลงทุน 1.8 ล้านล้านบาท และการแจกโฉนดที่ดินให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้ซึ่งเป็นนโยบายที่สร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลลุงตู่
แต่การดึงกระทรวงกลาโหมและสตช. รวมถึงการไม่มอบกระทรวงพลังงาน ให้ “บิ๊กป้อม”ดูแล แม้นายกฯจะให้เหตุผลว่าเป็นการแบ่งเบาภาระงาน แต่ก็ทำให้เกิดอาการงอน
“สมคิด”เสาค้ำยันด้านเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งเปรียบได้กับเสาค้ำยันด้านเศรษฐกิจ กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ รับผิดชอบกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พูดได้ว่านายสมคิดดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน้ำ เต็มรูปแบบเกือบ 100% ส่วนกระทรวงที่ดูแลเศรษฐกิจในช่วงปลายน้ำถูกแบ่งไปให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
“วิษณุ” เสาหลักด้านกฎหมาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่มีบทบาทสำคัญเป็นเสาค้ำยันด้านกฎหมาย กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ยกเว้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตสภา สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
ส่วนรองนายกฯในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ดูแลกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ตัดตอนบารมี ลุงป้อม? หรือมอบภารกิจไดโว่
การที่พ.อ.ประวิตรไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ถูกมองว่าเป็นการตัดตอนบารมีของพล.อ.ประวิตรหรือไม่ โดยในการประชุมกตร.นัดแรก พล.อ.ประยุทธ์ มอบโจทย์ใหญ่ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจต้องไร้ข้อครหา ไม่มีค่าน้ำร้อนน้ำชา การปฏิรูปตำรวจซึ่งเคยประกาศเป็นนโยบายสำคัญ 5 ปีผ่านไปก็ยังทำไม่สำเร็จ รอบนี้ถ้ายังมีปัญหา ติดขัดทำไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบเต็มตัวคือนายกฯ
นอกจากนี้งานตำรวจยังขาดแคลนพนักงานสอบสวน เหตุผลหลักมาจากการไม่ได้รับเงินตอบแทนเพิ่ม ไม่เติบโตในหน้าที่การงานแตกต่างจากตำรวจที่ไปทำงานเป็นนายเวร
และเมื่อมองไปยังกระทรวงพลังงานที่เป็นขุมทรัพย์ของประเทศ และถูกคาดการณ์ว่าต้องอยู่ในมือของพล.อ.ประวิตร แต่ก็ถูกจัดแบ่งไปให้อยู่ในความรับผิดชอบของนายสมคิด ตอกย้ำประเด็นตัดตอนบารมีบิ๊กป้อมให้เด่นชัดขึ้น อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งเล็กๆ ระหว่างพล.อ.ประวิตรกับนายสมคิด ซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากความเคลื่อนไหวแย่งเก้าอี้ของกลุ่มสามมิตร ซึ่งมีการลองของในวาระโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่า “บิ๊กป้อม” ถูกตัดตอนบารมี แต่ต้องจับตาภารกิจสำคัญที่ “บิ๊กป้อม” เข้าไปบริหารจัดการพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นพรรคที่เข้มแข็ง ดูแล ส.ส. สร้างพลังรองรับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ต้องมี ส.ส. 270 เสียง
นอกจาก “บิ๊กป้อม”จะมีมือเจรจาอันทรงพลังของ ร.อ.ธรรมมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตร แล้ว “บิ๊กป้อม” ยังมีนายสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งก้าวขึ้นมาคุมส.ส.ภาคกลาง และเปิดปฏิบัติการ “ไดโว่” ดูดนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ และนายปรพล อดิเรกสาร การลดหน้าที่ของ “บิ๊กป้อม” อาจเป็นการลดภาระงานในครม.แต่มอบหมายเข้าไปรับผิดชอบงานการเมือง เพื่อค้ำยันรัฐบาลในระยะยาว
“บิ๊กตู่” เสาสำคัญ คุมหัวโต๊ะครม.เศรษฐกิจ
การจัดองคาพยพเศรษฐกิจแบบใหม่ ในรูปแบบคล้ายคลึงกับยุครัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายทักษิณ ชินวัตร กำหนดให้มี ครม.เศรษฐกิจที่มีนายกฯเป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาครม.ในรัฐบาลผสม
นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจที่มีแต่ขาลงและถดถอย การส่งออกลดลง หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เงินที่ทุ่มลงไปผ่านบัตรประชารัฐที่จ่ายเงินแบบพร้อมเพย์ ส่งตรงถึงมือประชาชน ก็ยังกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่เป็นผลสำเร็จ หากการขับเคลื่อนครม.เศรษฐกิจไม่มีประสิทธิภาพ ปัญหาเศรษฐกิจจะกลายมาเป็นหอกทิ่มแทง และกำหนดอายุรัฐบาลว่าจะอยู่สั้นหรืออยู่ยาว มากกว่าปัญหางานด้านความมั่นคง ดังนั้น นายกฯ จึงต้องนั่งหัวโต๊ะการประชุมครม.เศรษฐกิจให้มากที่สุด เพื่อดึงความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง