อัศวิน ตักน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมเชิญคนโทฯจากหอศาสตราคม ไปมท.

              เมื่อเวลา 13.02 วันที่ 12 เมษายน 2562 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ หอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง และเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ส่งมอบให้กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามความเชื่อทางพราหมณ์-ฮินดู โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรุงเทพมหานครร่วมพิธีสงฆ์พร้อมกัน พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ และประพรมน้ำพระพุทธมนต์โดยรอบพระราชฐานชั้นใน           
       จากนั้นเวลา 13.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอธิษฐานจิตพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบาตรน้ำมนต์ภายในหอศาสตราคมบรรจุในคนโท แล้วเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมขึ้นรถยนต์บริเวณหน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เพื่อออกไปยังบริเวณริ้วขบวนบริเวณถนนหน้าพระลาน

     

           
          เมื่อรถยนต์เชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์มาถึงถนนหน้าพระลาน  ผู้ควบคุมริ้วขบวนให้สัญญาณทำความเคารพน้ำศักดิ์สิทธิ์ รถยนต์เชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าประจำในริ้วขบวน 
          เวลา 13.45 น. ผู้ควบคุมริ้วขบวนให้สัญญาณเคลื่อนริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์จากถนนหน้าพระลานไปยังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งริ้วขบวน ประกอบด้วย วงดุริยางค์ ริ้วขบวนธงชาติและธงตราสัญลักษณ์พิธีบรมราชาภิเษก และริ้วขบวนผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และข้าราชการกรุงเทพมหานครชั้นผู้ใหญ่ โดยริ้วขบวนจะเคลื่อนผ่าน ถนนสนามไชย ถนนกัลยาณไมตรี ถนนอัษฎางค์ และเข้าสู่กระทรวงมหาดไทย รวมระยะทาง 1,027 เมตร
 

          
          เวลา 14.00น. ขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ถึงกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหารกทม.เชิญคนโทน้ำไปยังชั้น 2 ณ ห้องดอกแก้ว โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแถวรอรับคนโทน้ำอภิเษก ซึ่งคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพมหานคร จะเก็บรักษาร่วมกับคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรอการประกอบพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม        

 

               

          จากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่เชิญคนโทได้ส่งต่อคนโทน้ำให้กับผู้ว่ากรุงเทพมหานครเพื่อวางลงในจุดถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์ ต่อมาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้บริหารกรุงเทพมหานครกล่าวขอบคุณผู้ร่วมพิธีและผู้ควบคุมริ้วขบวนสั่งเลิกแถว ถือเป็นการเสร็จพิธีอย่างสมบูรณ์
          ทั้งนี้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคม ไม่ต้องผ่านพิธีการอภิเษกน้ำก่อนเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมจะผ่านพิธีเสกทำน้ำพระพุทธมนต์สำหรับสรง สรงพระพักตร์ และประพรมรอบพระมหามณเฑียร ทุกๆ วันพระ หรือวันขึ้น 8 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำ วันแรม 8 ค่ำ และวันแรม 15 ค่ำ เป็นประจำอยู่แล้ว รวมทั้งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมได้นำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญๆ ตามโบราณราชประเพณีอยู่เสมอ
   

         

          หลังจากเสร็จพิธีฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง กล่าวว่า พิธีเชิญคนโทน้ำอภิเษกของกรุงเทพมหานคร เป็นจุดสุดท้าย ซึ่งต่างจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดได้เชิญมาไว้ที่กระทรวงมหาดไทยแล้วรวม 107 คนโทสำหรับกรุงเทพมหานครเป็นอันดับที่ 108 เป็นน้ำที่นำมาจากหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง  เพื่อรอเชิญไปไว้ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 18 เมษายน โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม และวันที่ 19 เมษายน จะเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ทำเสกแล้วกลับไปไว้ในพระบรมมหาราชวัง    

         

 

          "ทุกคนที่มาร่วมพิธีในวันนี้ถือว่ามีบุญวาสนามาก พิธีอันยิ่งใหญ่แบบนี้น่าจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตถือเป็นมหามงคลสูงสุดในชีวิต สำหรับในวันที่ 5 พฤษภาคม คนทั้งประเทศมากกว่า 67 ล้านอยากมาร่วมมาชื่นชมพระบารมี แต่ด้วยพื้นที่จำกัดตลอดเส้นทางเลียบพระนครทางสถลมารคระยะทางเพียง 6,200 เมตร รองรับคนได้ประมาณ 2-3 แสนคนเท่านั้น นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีพร้อมกันทั่วประเทศ ในส่วนของกรุงเทพมหานครจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีทั่วกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อถ่ายทอดพระราชกรณียกิจตลอด 24 ชั่วโมงไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธี ส่วนความพร้อมด้านสถานที่แล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้สมบูรณ์และงดงามสมพระเกียรติตลอดช่วงวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก" ผู้ว่ากทม.กล่าว
 

 

        

          ด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อเตรียมการพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม จากกทม.และ 76 จังหวัด รวมถึงพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18 เมษายน ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร มีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกายภาพ และการตกแต่งสถานที่ ทั้งภายนอกและภายใน ได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักพระราชวัง กรมการศาสนา และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่จะเข้ามาดำเนินการในทุกขั้นตอน โดยมีแม่งานใหญ่ คือกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง 
         

 

 

          

             สำหรับฤกษ์ในการเสกน้ำพระพุทธมนต์ อยู่ในห้วงเวลา 17.19 - 21.30 น. อย่างไรก็ตามพิธีดังกล่าวจะแล้วเสร็จก่อนฤกษ์เล็กน้อย เนื่องจากจะมีการสวดภาณวาร โดยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ในเวลา 19.19 น. 
          ทั้งนี้ วัดสุทัศน์ฯ อยู่ในระหว่างการซ่อมบูรณะ เพื่อเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จึงไม่สามารถเตรียมสถานที่รองรับประชาชนได้อย่างสะดวก หากประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ครั้งนี้ สามารถรับชมจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และการถ่ายทอดเสียง จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 16.45 - 20.00 น.    

 

 

         
          

          นายพรพจน์ กล่าวต่ออีกว่า ในการซ้อมเสมือนจริง ขบวนเชิญน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมรุธาภิเษก จากมท. ไปยังวัดสุทัศน์ฯ และขบวนเชิญน้ำอภิเษกจากวัดสุทัศน์ฯ ไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม การซ้อมเป็นไปตามเป้าหมาย ขบวนเชิญน้ำอภิเษก มีความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการว่าได้มีการปรับแก้ไขการพร้อมเพรียงเพื่อให้วันจริง มีความสวยงามมากที่สุด