ผู้นำจีนขอให้ไต้หวันตระหนักจะต้องรวมชาติในสักวันหนึ่ง การใช้กำลังยังเป็นทางเลือก
ในโอกาสครบรอบ 40 ปี ที่จีนเริ่มติดต่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับไต้หวัน ด้วยการประกาศ"จดหมายถึงพี่น้องร่วมชาติชาวไต้หวัน" สารเรียกร้องการรวมชาติและยุติการเผชิญหน้าทางทหารเมื่อปี 2522 ในวันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีถ้อยแถลงเตือนอีกครั้ง มิให้ไต้หวันดำเนินความพยายามใดๆเพื่อส่งเสริมเอกราช และจีนยังคงทางเลือกใช้กำลังทหารบังคับ
ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า ประชาชนในไต้หวันต้องเข้าใจว่าเอกราชมีแต่จะนำมาซึ่งความลำบาก และปักกิ่งจะไม่อดกลั้นกิจกรรมส่งเสริมการแยกตัวทุกรูปแบบ พร้อมย้ำว่า ความสัมพันธ์กับไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งการเมืองภายในของจีน การแทรกแซงจากต่างชาติไม่ใช่เรื่องที่ต้องอดกลั้น
“จีนจะต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นเงื่อนไขที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการฟื้นคืนพลังครั้งใหญ่ของประชาชนชาวจีนในศักราชใหม่ เราไม่สัญญาว่าจะล้มเลิกการใช้กำลังทหาร และสงวนทุกทางเลือกที่จำเป็น เพื่อยับยั้งความเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัวของไต้หวัน และกองกำลังภายนอกที่แทรกแซงการรวมชาติ”
ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า การรวมชาติภายใต้หลักการ หนึ่งประเทศสองระบบ จะปกป้องผลประโยชน์และความเป็นอยู่ของเพื่อนร่วมชาติไต้หวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไม่ดีนัก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ได้รับเลือกตั้ง และไม่ยอมรับจุดยืนของจีนว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”
เมื่อวันปีใหม่ ผู้นำหญิงไต้หวัน เตือนปักกิ่งว่าประชาชนในไต้หวันจะไม่ยอมสละเสรีภาพที่ไม่เคยเห็นในจีนแผ่นดินใหญ่ และจีนจะต้องใช้เงื่อนไขเท่าเทียมและสันติในการสะสางความแตกต่างสองฝ่าย
จีนหวังใช้ นโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ สูตรเดียวที่ใช้กับฮ่องกง หลังอังกฤษส่งมอบคืนปักกิ่งในปี 25540 แต่หลายฝ่ายมองว่า ฮ่องกงกลายเป็นแบบอย่างเชิงลบสำหรับไต้หวัน
เคลาเดีย โม ส.ส.ฝ่ายหนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง กล่าวว่าจีนแทรกแซงฮ่องกงไม่เฉพาะการเมือง แต่ยังเลยไปถึงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจด้วย คงมีไม่กี่คนที่จะรับข้อเสนอแนะของสีได้ว่า ฮ่องกงกับมาเก๊าอาจเป็นพิมพ์เขียวให้ไต้หวันได้ ในเมื่อเสรีภาพในฮ่องกงเสื่อมถอยลงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง