Lifestyle

'โรคจิตเวช' เหมือนโรคเรื้อรัง แพทย์แนะดูแลสุขภาพใจ ก่อนกระทบร่างกาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'โรคจิตเวช' ภัยร้ายที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ทั้งผู้ป่วย คนรอบข้าง และสังคม หากแต่ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นไม่ได้แสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรม เหตุนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนละเลย หรือหลงลืมการดูแลจิตใจที่ถูกกระทบจากความเครียด ความรวดเร็ว และไม่แน่นอน

“โรคจิตเวช” เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ทั้งผู้ป่วย คนรอบข้าง และสังคม ไม่ต่างกับโรคทางกาย หากแต่ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นภายในจิตใจไม่ได้แสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุผลนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนละเลย หรือหลงลืมการดูแลจิตใจที่ถูกกระทบจากความเครียด ความรวดเร็ว และไม่แน่นอน

 

ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงตัวเลขภาพรวมผู้ป่วยจิตเวชว่า ในปีงบประมาณ 2566 (ข้อมูลถึงเดือนเมษายน) มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา (ผู้ป่วยนอก) ประมาณ 1.70 แสนคน หากย้อนกลับไปในปีงบประมาณ 2565 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยฯ ประมาณ 2.91 แสนคน และปีงบประมาณ 2564 พบว่ามีผู้ป่วยฯ อยู่ประมาณ 2.65 แสนคน

 

นพ.กานต์ จำรูญโรจน์

 

นพ.กานต์ จำรูญโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า ผู้ป่วย “โรคจิตเวช” โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก และการรักษาจะคล้ายกับโรคเรื้อรัง คือต้องอาศัยการดูแล และกินยาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเอาไว้เพื่อใช้ในการรักษา เพราะยารักษาโรคจิตเวชจำนวนไม่น้อยยังอยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ และเป็นยาที่มีราคาค่อนข้างสูง               

 

“การรักษาโรคจิตเวช เมื่อรักษาต่อเนื่องจะช่วยให้อาการดีขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ แต่อาการก็อาจกำเริบขึ้นได้เมื่อขาดยา ถูกกระตุ้นโดยความเครียด อดนอน หรือบางครั้งก็ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ฉะนั้นผู้ป่วยจะต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงทำให้การรักษาจะมีค่าใช้จ่ายในระยะยาว ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และอาจนำไปสู่การยุติการรักษาของผู้ป่วย     

 

\'โรคจิตเวช\' เหมือนโรคเรื้อรัง แพทย์แนะดูแลสุขภาพใจ ก่อนกระทบร่างกาย

 

นพ.กานต์ กล่าวต่อว่า เรื่องสุขภาพจิตเป็นส่วนสำคัญที่เทียบเท่าได้กับสุขภาพกาย แม้บางครั้งอาจไม่ได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกวันนี้ทุกคนก็เห็นแล้วว่าสำคัญ แต่ก็อยากจะเน้นย้ำว่าเมื่อสุขภาพจิตไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางร่างกาย และสุขภาพทางสังคมด้วย

 

“การดูแลสุขภาพจิตสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ตระหนักรู้ถึงสาเหตุของอารมณ์ และความเครียด รวมไปถึงการออกกำลัง การพูดคุยกับคนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อีกอย่างหนึ่งคือการฝึกการรับรู้อารมณ์ของเราเรื่อยๆ ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร พอรับรู้แล้วก็คล้ายๆ กับการเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน เปิดรับ ยอมรับว่าบางครั้งเราก็มีความทุกข์ มีวันที่อารมณ์ดี มีวันที่อารมณ์ไม่ดีเพราะเราก็เป็นมนุษย์”

 

สำหรับ "โรคจิตเวช" นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ เช่น โรคสมาธิสั้นสามารถพบได้ตั้งแต่เด็ก และมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวัยรุ่น โรคอารมณ์สองขั้วสามารถพบได้ตั้งแต่ผู้ใหญ่ตอนต้นไปจนถึงตอนปลาย ส่วนโรคสมองเสื่อมก็เป็นส่วนหนึ่งของโรคทางจิตเวชที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้สูงอายุ

 

\'โรคจิตเวช\' เหมือนโรคเรื้อรัง แพทย์แนะดูแลสุขภาพใจ ก่อนกระทบร่างกาย

               

อย่างไรก็ดี โรคจิตเวช สามารถแบ่งได้หลายแบบ หากแบ่งตามอาการจะแบ่งได้หลักๆ เป็น 5 ด้าน ได้แก่

 

  1. โรคที่มีอาการด้านพฤติกรรมผิดปกติ
  2. โรคที่มีอาการด้านอารมณ์ผิดปกติ
  3. โรคที่มีอาการด้านความคิดผิดปกติ
  4. โรคที่มีอาการด้านการทำงานของสมอง ผิดปกติ (ความจำ สมาธิ การวางแผน การตัดสินใจ ฯลฯ) และ
  5. โรคทางจิตเวชที่แสดงออก เป็นอาการทางร่างกาย แต่ทั้งนี้โรคทางจิตเวชบางโรค ก็มีอาการคาบเกี่ยวกันหลายด้านได้เช่นกัน

               

นพ.กานต์ อธิบายต่อว่า ปัจจุบันโรคซึมเศร้าเป็นอีกหนึ่งโรคที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายหรือไม่ จะมีวิธีการประเมินอารมณ์ตัวเองเบื้องต้น เช่น สังเกตว่าอารมณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหรือไม่ หรือถูกทักจากคนรอบข้างว่ามีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่เข้าสังคม รู้สึกไม่มีพลังหรือไม่ รวมไปถึงมีพฤติกรรมบางอย่างที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็นการนอน หรือการรับประทานอาหาร ขาดสมาธิ เป็นต้น

 

logoline