Lifestyle

เสริมจมูกครั้งแรกต้องรู้ เลือกเทคนิคไหน ให้ผลลัพธ์ดี ไม่ต้องเสียเวลาแก้ใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสริมจมูกครั้งแรกต้องรู้ เลือกเทคนิคไหน ให้ผลลัพธ์ดี ไม่ต้องเสียเวลาแก้ใหม่ ไม่เพียงแต่ทำเพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังเสริมความงามในแง่ของฮวงจุ้ยอีกด้วย 

สาเหตุที่คนต้องการเสริมจมูก
Rhinoplasty หรือ การเสริมจมูก เป็นการศัลยกรรมผ่าตัดขนาดเล็ก เพื่อแก้ไขรูปทรงจมูกเดิมให้มีลักษณะโด่งขึ้น แก้ไขรูปจมูกที่ผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วน ที่เกิดจากกรรมพันธุ์และอุบัติเหตุให้สวยงามและได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับส่วนต่างๆ ของใบหน้ามากขึ้น ไม่เพียงแต่ทำเพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังเสริมความงามในแง่ของฮวงจุ้ยอีกด้วย 
 

เสริมจมูก มีกี่วิธี
ปัจจุบันการเสริมจมูกใช้เทคนิคหลัก 2 แบบ คือเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) โดยแต่ละแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไปดังนี้

 

  •  เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
    เป็นเทคนิคการเสริมจมูกที่มีมานานแล้ว ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลภายในแล้วจึงทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูก โดยแพทย์สามารถเลือกใช้ซิลิโคนแบบแท่งยาว เพื่อเพิ่มความยาวของจมูกให้ผู้ที่มีปัญหาจมูกสั้น และเลือกใช้ซิลิโคนรูปตัว L หรือใช้กระดูกอ่อนบางส่วนในคนไข้มาช่วย เพื่อสร้างมิติให้รูปทรงจมูกในผู้ที่มีลักษณะจมูกแบนไม่โด่ง

 

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด

  • ใช้เวลาทำน้อย เพราะเป็นการผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็ก
  • เกิดแผลเป็นให้เห็นกวนใจ เพราะเปิดแผลภายใน
  • พักฟื้นไม่นาน บวมช้ำน้อย
  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการเสริมจมูกแบบเปิด
     

ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด

  • เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ อาจเสี่ยงจมูกทะลุ หากเป็นคนที่มีเนื้อจมูกบาง
  • เสี่ยงจมูกเบี้ยว เพราะเป็นการเปิดแผลภายใน มองไม่เห็นโครงสร้างจมูก จำเป็นต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญสูง

 

เสริมจมูกแบบปิด เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาทรงจมูกไม่มากนัก
  • ผู้ที่มีจมูกทรงสั้น ต้องการเติมความยาวให้ทรงจมูก
  • ผู้ที่มีเนื้อจมูกพอสมควร ไม่น้อยจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดซิลิโคนดันจนจมูกทะลุได้

 

 

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด

 

 

  • เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

เทคนิคการเสริมจมูกแบบนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและได้รับการยอมรับทั่วโลก เพราะไม่ใช่แค่การเพิ่มความยาวของจมูก แต่การปรับโครงสร้างของจมูกโดยตรง ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูปทรงจมูกที่หลากหลาย โดยจะเปิดแผลบริเวณฐานจมูก และกรีดยาวเป็นแนวดิ่ง เพื่อให้เห็นปัญหาภายในทั้งหมด และแยกบริเวณเนื้อเยื่อกับกระดูก แล้วถึงจะเลือกใช้วัสดุเสริมจมูกที่เหมาะสมกับปัญหาใส่เข้าไป

 

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด

  •  สามารถปรับโครงสร้างภายในทั้งหมดของจมูกได้ เช่น จมูกสั้น จมูกเบี้ยว ฐานจมูกกว้าง
  • แก้ปัญหาการอักเสบของเนื้อเยื่อภายในจมูก อันเกิดจากทำศัลยกรรมจมูกมาก่อนหน้านี้

 

ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด

  • แผลใต้ราวจมูก
  • ใช้ระยะเวลาผ่าตัดนาน
  • พักฟื้นนาน 
  • หากพบปัญหาแทรกซ้อนจะต้องแก้ไขที่ยุ่งยากมากขึ้น
  • มีราคาค่อนข้างสูง

 

เสริมจมูกแบบเปิด เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีจมูกสั้น
  • ผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย
  • ผู้ที่ต้องการเติมจมูกหยดน้ำ
  • ผู้ที่มีปัญหากระดูกจมูกเบี้ยวคด
  • ผู้ที่มีจมูกฮัมพ์สูง
  • ผู้ที่มีปลายจมูกงุ้มลง เหมือนปากนก

 

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
วัสดุที่ใช่ในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกมี 2 อย่าง คือ ซิลิโคนมาตรฐานสูง และกระดูกอ่อน หรือเนื้อเยื่อของคนไข้เอง ซึ่งแต่ละอย่างมีวิธีเลือกใช้และข้อแตกต่างกันดังนี้

 

  • ซิลิโคน (Silicone)
    สำหรับซิลิโคนที่ใช้ในทางการแพทย์ จะเป็นซิลิโคนที่ต้องมีคุณภาพสูง สะอาดปลอดภัย และต้องผ่าน FDA หรือ อย. ของประเทศผู้ผลิต  ไหม่ว่าจะเป็นซิลิโคนประเทศอเมริกา,ซิลิโคนประเทศเกาหลี  หรือซิลิโคนประเทศญี่ปุ่น เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงในเรื่องของอาการแพ้ ซึ่งรูปแบบซิลิโคนสำหรับเสริมจมูกก็ถูกแบ่งออกเป็นลักษณะย่อยอีก 2 แบบ

 

  • ซิลิโคนสำเร็จรูป
    มีลักษณะทรงสำเร็จมาให้พร้อมวางบนจมูกเพื่อเสริมได้ทันที โดยซิลิโคนจมูกสำเร็จรูป จะมีหลายทรงให้เลือกใช้ เช่น ทรงแมนทิส,ทรงบาร์บี้, ทรงบราว และทรงซินเดอร์เรลล่า แต่ซิลิโคนสำเร็จรูปเหล่านี้ ไม่ได้เหมาะกับทุกคน หากนำมาใช้ไม่เหมาะกับพื้นกระดูกจมูกของคนไข้ ก็จะทำให้เสริมออกมาแล้ว มีลักษณะเบี้ยว จมูกทะลุ หรือจมูกใหญ่จนเกินไป

 

  • ซิลิโคนแบบเหลาเอง
    เป็นซิลิโคนขึ้นรูปบล็อกสี่เหลี่ยม ซึ่งศัลยแพทย์จะต้องออกแบบปัญหาจมูกคนไข้ และจึงนำซิลิโคนมาเหลาให้ได้รูปทรงที่เข้ากันกับจมูกคนไข้ ซึ่งซิลิโคนแบบนี้จะต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในการเหลาให้ได้ทรง เรียบไม่ขรุขระหรือเป็นร่องบุ๋ม

 

 

เสริมจมูกด้วยกระดูกซี่โครงตัวเอง

 

 

  • ใช้กระดูกอ่อนของคนไข้เอง
    สำหรับกระดูกอ่อนที่สามารถนำมาใช้เสริมจมูกได้นั้น มีหลายตำแหน่งด้วยกันดังนี้

 

  • กระดูกอ่อนหลังใบหู
    เป็นการนำเอากระดูกอ่อนหลังหูออกมาใช้เพื่อเติมปลายจมูกให้โด่ง โดยไม่ทำลายรูปทรงหูใดๆ และเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีลักษณะโค้งงอเข้ากับปลายจมูกได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

  • กระดูกอ่อนซี่โครง
    เป็นการเปิดแผลใต้ราวนมเพื่อนำกระดูกอ่อนซี่โครงของคนไข้ออกมาประมาณ 2-5 cm ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลาผ่าตัดนาน และต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญสูง

 

  • กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก
    เป็นการนำเอากระดูกอ่อน Septum ที่อยู่บริเวณกลางจมูกออกมาใช้ เพื่อเสริมจมูกให้ยาวขึ้น  เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลายจมูกพุ่งสวยแบบสายฝอ

     

ข้อดี-ข้อเสีย ของวัสดุแต่ละแบบในการเสริมจมูก

  • ซิลิโคนสำเร็จรูป

ข้อดีของการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป

  • ได้รูปทรงที่แน่นอน
  •  มีโอกาสเอียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับซิลิโคนแบบเหลาเอง
  • เลือกได้หลายเกรด ทั้งแบบแข็งและนิ่ม
  • ประหยัดเวลาในการผ่าตัด

 

ข้อเสียของการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป

  • มีโอกาสที่ซิลิโคนหดรัดแกนมากเกินไป ทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัดเจน
  • เสี่ยงทำออกมาแล้วไม่สวย ไม่ได้สัดส่วนรับกับใบหน้า เช่น ได้แกนจมูกที่ใหญ่หนาเกินไป หรือยาวรั้งจนชนปลายจมูก ทำให้มีโอกาสจมูกทะลุได้

 

  • ซิลิโคนแบบเหลาเอง

ข้อดีของการใช้ซิลิโคนแบบเหลาเอง

  • สามารถปรับรูปทรงด้วยการเหลา ให้เหมาะสมกับปัญหาโครงสร้างจมูกของคนไข้แต่ละคน
  • ออกแบบรูปทรงจมูกได้ดี
  • ไม่เสี่ยงแกนรั้งปลายจมูก จนเป็นเหตุให้แกนเบี้ยว หรือจมูกทะลุได้ในผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย

 

ข้อเสียของการใช้ซิลิโคนแบบเหลาเอง

  • ใช้เวลาในการทำนานกว่าแบบซิลิโคนสำเร็จรูป 
  • เสี่ยงเกิดผิวบริเวณจมูกเป็นคลื่น จากการเหลาซิลิโคนไม่เนียนของแพทย์
  • เสี่ยงทำออกมาแล้วจมูกเบี้ยว แหว่ง ไม่เกิดความสมส่วนของจมูก ทั้งด้านซ้ายและขวา หากเลือกทำกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญมากพอ

 

  • กระดูกอ่อนหลังใบหู

ข้อดีของการใช้กระดูกอ่อนหลังหู

  •  ปลอดภัยสูง ไม่เสี่ยงแพ้ เพราะเป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายของเราเอง
  • สามารถเพิ่มพื้นที่ปลายจมูกให้หนาและยาวขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย
  • ลดอาการเสียดสีของซิลิโคน อันเป็นต้นเหตุให้เกิดปลายจมูกทะลุ
  • เป็นวิธีที่ดีในเคสที่ต้องการแก้ไขจมูก

 

ข้อเสียของการใช้กระดูกอ่อนหลังหู

  • เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ อาจมีการละลาย หรือเสื่อมสภาพลงได้
  • เสี่ยงแผลผ่าตัดติดเชื้อในบริเวณหลังหู ซึ่งเป็นจุดอับ
  • มักมีการเกิดสลายของกระดูกอ่อน  3 – 10% หลังจากที่เสริมจมูกไปแล้ว 5 ปี

 

  • กระดูกอ่อนซี่โครง

ข้อดีของการใช้กระดูกอ่อนซี่โครง

  •  ป้องกันจมูกทะลุ
  • ลดการอักเสบ ติดเชื้อจากการแพ้ซิลิโคนในบางคน
  • ได้รูปทรงจมูกที่สวยเป็นธรรมชาติ มากกว่าแบบซิลิโคน
  • สามารถเสริมจมูกให้ทรงโด่งได้มากกว่าแบบอื่น
  •  

ข้อเสียของการใช้กระดูกอ่อนซี่โครง

  • หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญมากพอ อาจเสี่ยงได้รับอันตรายในขั้นตอนการผ่าตัดเอากระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงออกมา
  • เสี่ยงติดเชื้อ จากการผ่าตัดแผลใหญ่บริเวณซี่โครง
  • การแต่งทรงทำได้ยากกว่าการเหลาทรงซิลิโคน เพราะกระดูกบริเวณนี้แข็ง
  • เสี่ยงเบี้ยว บวม นูน จากการออกแบบและเหลากระดูกไม่สวย จากความไม่เชี่ยวชาญของแพทย์

 

 

  • กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก

ข้อดีของการใช้กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก

  • ได้รูปทรงจมูกที่สวยเป็นธรรมชาติ มากกว่าแบบซิลิโคน
  • ได้ปลายจมูกพุ่งสวย โดยไม่ต้องมีแผลแบบการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู
  • ปลอดภัยสูง ไม่เสี่ยงแพ้ เพราะเป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายของเราเอง
  • ลดอาการเสียดสีของซิลิโคน อันเป็นต้นเหตุให้เกิดปลายจมูกทะลุ

 

ข้อเสียของการใช้กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุเยอะ เนื่องจากมีแคลเซียมมาเกาะที่กระดูกอ่อน
  • มักมีการเกิดสลายของกระดูกอ่อน  3 – 10% หลังจากที่เสริมจมูกไปแล้ว 5 ปี

 


ทรงจมูกที่นิยมในปัจจุบัน
ปัจจุบันทรงจมูกที่นิยมศัลยกรรมมักเป็นไปตามเทรนด์ดารา ไอดอล และคนดังทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น ทรงจมูกสายฝอ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก หรือ ทรงจมูกบาร์บี้ ทรงจมูกสโลปปลายเชิด ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลี เป็นต้น

 

ทรงจมูกที่นิยมในปัจจุบัน

 

 

วิธีเลือกทรงจมูกให้เหมาะกับใบหน้า
การเลือกทรงจมูกเพื่อให้เข้ากับเรามากที่สุด ทำออกมาแล้วไม่เพียงแต่มีรูปทรงที่สวย ไม่เบี้ยว และเรียบเนียนไปกับกระดูกจมูก แต่ต้องสมส่วนรับกับโครงหน้าเราด้วย ซึ่งมีหลักการเลือกดังนี้

  • ทรงจมูกควรรับกับโครงหน้าด้านกว้าง 
    ○    เลือกทรงจมูกที่รับกับหน้าผาก หากมีหน้าผากแบน ก็ไม่ควรทำจมูกทรงสูงจนเกินไป 
    ○    คนที่มีโหนกแก้มเห็นได้ชัด ไม่ควรเสริมจมูกให้แกนกลางแข็งจนเห็นเป็นแท่ง เพราะจะทำให้หน้าดูแข็ง ไม่อ่อนหวาน และยิ่งจะทำให้โหนกแก้มชัดขึ้นกว่าเดิม

 

  • ทรงจมูกต้องรับกับความยาวของใบหน้า
    ความยาวจะต้องอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3 ของใบหน้า วัดเทียบตั้งแต่
    -    กรอบไรผม กับ สันจมูก 
    -    สันจมูก กับ ปลายจมูก
    -    ปลายจมูก กับ คาง

 

วิธีเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก

  • การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก ด้วยซิลิโคน
    ○    ปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อทำการประเมินการใช้ยาชาก่อนการผ่าตัด และการจ่ายยาที่เหมาะสมหลังผ่าตัด
    ○    งดกินยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน เช่น ยาแก้ปวด วิตามินซี น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
    ○    งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนเข้าผ่าตัด
    ○    งดแต่งหน้า และล้างหน้าให้สะอาดก่อนเข้าห้องผ่าตัด

 

  • การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก ด้วยกระดูกอ่อนของคนไข้เอง
    ○    แจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวกับแพทย์อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แพทย์ประเมินขั้นตอนการผ่าตัดที่เหมาะสม การใช้ยาสลบ และการจ่ายยาหลังผ่าตัด
    ○    งดยา อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิด ที่ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดหยุดช้า ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน เช่น ยาแก้ปวด วิตามินซี น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
    ○    งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
    ○    งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อบริเวณจมูกขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง
    ○    งดอาหาร - งดการดื่มน้ำ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสูดสำลักอาหารและน้ำลงปอด ในระหว่างได้ยาสลบ
    ○    งดแต่งหน้า และล้างหน้าให้สะอาด ก่อนเข้าห้องผ่าตัด
    ○    ควรพาญาติ หรือคนใกล้ชิดมาด้วย เพื่อคอยอำนวยความสะดวกในการพาเดินทางกลับ หลังฟื้นยาสลบจากผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย

 

การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็นการเสริมด้วยซิลิโคน หรือกระดูกอ่อน จะมีการดูแลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนี้

  • ควรหนุนศีรษะด้วยหมอนสูงกว่าหน้าอก 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวม
  • ป้องการเลือดออกด้วยการประคบเย็นประมาณ 2- 3 วันหลังผ่าตัด
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กินแล้วแพ้ หรือเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป เช่น ของหมักดอง อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และบุหรี่
  • ดูแลและหมั่นทำความสะอาดแผลผ่าตัด ทั้งบริเวณจมูก และแผลผ่ากระดูกอ่อนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะตัดไหม
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่จะทำให้แผลผ่าตัดเกิดความกระทบกระเทือน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก

Q : ระยะเวลาพักฟื้นหลังเสริมจมูกนานไหม?
A : สำหรับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน จะมีระยะพักฟื้นจนแผลหายสนิท และหายบวมภายใน 3 เดือน แต่สำหรับการเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อน จะมีระยะพักฟื้นที่นานประมาณ 6 เดือน


Q : เสริมจมูก ราคาเท่าไหร่?
A : สำหรับราคาเสริมจมูกจะมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ทำ และเทคนิคที่ใช้ ดังนี้
- เสริมจมูกกับโรงพยาบาล / คลินิกชั้นนำในประเทศไทย หากเสริมด้วยซิลิโคน จะเริ่มที่ 35,000 - 50,000 บาท และเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อน จะเริ่มต้นที่ 40,000-120,000 บาท
- เสริมจมูกกับโรงพยาบาลชั้นนำประเทศเกาหลี ส่วนมากจะใช้วิธีเสริมด้วยกระดูกอ่อน จะมีราคาอยู่ที่ 350,000 - 600,000 บาท

 

Q : เสริมจมูก ที่ไหนดี?
A : หากเลือกทำกับโรงพยาบาลประเทศไทย สามารถเลือกได้ตามความน่าเชื่อถือ พร้อมด้วยเครื่องมือผ่าตัดมาตรฐานสูงที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและลงมือทำให้คนไข้เองทุกเคส แต่สำหรับโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศเกาหลี ที่ได้รับความนิยมด้านการเสริมจมูกมีดังนี้

  • Hanabi ศูนย์ศัลยกรรมเฉพาะทาง ที่เปิดให้บริการด้านการเสริมจมูก-แก้ไขจมูกโดยเฉพาะ
  • Banobagi โรงพยาบาลศัลยกรรมที่มีชื่อเสียง ในรายการศัลยกรรมชื่อดังอย่าง Let Me in
  • SU:I โรงพยาบาลศัลยกรรมที่เชี่ยวชาญในด้านการตกแต่งตา จมูก และการยกกระชับ
  • View Plastic Surgery โรงพยาบาลศัลยกรรมวิว
  • Topclass Plastic Surgery โรงพยาบาลศัลยกรรมท็อปคลาส

  
 

สรุป
เพราะการเสริมจมูกเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี สวยเป็นธรรมชาติเข้ากับใบหน้าเรามากที่สุด ปลอดภัย ไม่เสี่ยงแพ้ และอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต แนะนำให้เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนจะครอบคลุมที่สุด ซึ่งปัจจุบันแทบจะทุกสถานเสริมความงามก็มีเทคนิคการเสริมจมูกนี้คอยให้บริการ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในลำดับต่อไปคือ ต้องทำกับสถานพยาบาลที่พร้อมเรื่องการผ่าตัดแบบครบวงจรมากที่สุด

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ