การ "มีเซ็กส์" ไม่ว่าจะเป็นวันแห่งความรักหรือวันไหนๆ นั้นไม่ใช่เรื่องผิด ขอเพียงให้ถูกคู่ ถูกเวลา และถูกกาลเทศะเท่านั้น แต่การจะ “มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย” คำตอบที่ได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของทุกๆ คู่รัก
พอใกล้ถึง “วันแห่งความรัก” หรือ “วันวาเลนไทน์” หลายคนก็โฟกัสไปที่เรื่อง “เซ็กส์” ที่มักมาควบคู่กับเรื่องรักเสมอ แต่การ "มีเซ็กส์" ไม่ว่าจะเป็นวันแห่งความรักหรือวันไหนๆ นั้นไม่ใช่เรื่องผิด ขอเพียงให้ถูกคู่ ถูกเวลา และถูกกาลเทศะเท่านั้น แต่การจะ “มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย” คำตอบที่ได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของทุกๆ คู่รัก
ในการมีเซ็กส์มีอุปกรณ์หลากหลายที่สามารถใช้เพื่อป้องกันตัวเองขณะมีได้ แต่ว่าอุปกรณ์แต่ละอย่างมีวิธีใช้ที่ต่างกันและมีข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้ มาทำความเข้าใจกับอุปกรณ์เหล่านี้ให้ดีก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าควรใช้เมื่อไหร่ และสถานการณ์ไหน
-ถุงยางอนามัย
ใส่ถุงยางให้ถูกวิธีทำยังไง?
ขั้นที่ 1 : ใส่ถุงยางตอนจู๋แข็งเต็มที่ ใช้มือค่อยๆ ฉีกถุงยางออกจากซอง ห้ามใช้ฟันฉีกเพราะอาจพลาดทำให้ถุงยางรั่วหรือฉีกขาดได้ ใช้นิ้วบีบปลายถุงยางเพื่อไล่อากาศแล้วสวมลงตรงหัว การรูดถุงยางจนสุดแล้วใส่เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเพราะอาจทำให้ถุงยางฉีกขาด
ขั้นที่ 2 : ค่อยๆ รูดถุงยางลงจนถึงโคน การรูดให้ชิดโคนให้มากที่สุดช่วยให้ถุงยางไม่หลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นทาเจลหล่อลื่นชนิดน้ำให้ทั่วถุงยาง และอย่าลืมลงเจลที่ตูดฝ่ายรับให้ชุ่มด้วย
ขั้นที่ 3 : เช็คความเรียบร้อยถุงยางเป็นระยะระหว่าง "มีเซ็กส์" ดูให้แน่ใจว่าไม่หลุด ไม่รั่ว ไม่ขาด ถ้าเอานานควรเพิ่มเจลบ่อยๆ เวลาเอาจู๋ออกให้กำรอบโคนเพื่อให้ถุงยางออกมาพร้อมกัน และต้องเอาออกตอนจู๋ยังไม่อ่อน
ประสิทธิภาพในการป้องกันของถุงยางลดลง เมื่อ :
- ใส่ไม่ถูกวิธี
- รูดถุงยางจนสุดแล้วใส่
- ใช้ของเหลวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ครีม โลชั่น หรือแชมพู เป็นสารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์
- ใช้สารหล่อลื่นน้อยเกินไป
- ใช้สารหล่อลื่นในบริเวณที่ไม่ควรใช้ เช่น ทารอบจู๋ก่อนใส่ถุงยาง ไม่ทาสารหล่อลื่นบริเวณรอบๆและด้านในรูตูด
- มีเซ็กส์นานและไม่เปลี่ยนถุงยาง
- ใช้ถุงยางหมดอายุ (อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุบนซองถุงยางก่อนใช้ทุกครั้ง)
- ใช้ถุงยางผิดขนาด
– ยาเพร็พ (PrEP)
ยาเพร็พคืออะไร
ยาเพร็พ (PrEP) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นรูปแบบใหม่ของการป้องกันการรับเชื้อเอชไอวี โดยการให้ยาต้านแก่ผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อในกรณีที่มีการสัมผัสเชื้อ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการป้องกันเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ
วิธีกินยาเพร็พ
วิธีกินยาเพร็พ 2 แบบ คือ
- เพร็พกินแบบรายวัน กินทุกวัน วันละเม็ด เวลาเดิม(เวลากำหนดเองได้) แล้วทานต่อเนื่องวันละ 1 เม็ด แต่ต้องกินยาอย่างน้อย 7 วันถึงจะสามารถป้องกันเอชไอวีได้อย่างเต็มที่
- เพร็พกินแบบเมื่อต้องการ สำหรับผู้ที่วางแผนการมีเซ็กส์ได้ หรือว่ามีเซ็กส์ไม่บ่อย มีเป็นช่วงๆ กินเฉพาะช่วงที่จะมีเซ็กส์ โดยกิน 2 เม็ด 2-24 ชั่วโมงก่อนมีเซ็กส์ แล้วกินวันละ 1 เม็ดจนถึงวันที่จะมีเซ็กส์ครั้งสุดท้ายในช่วงนั้น เสร็จแล้วปิดท้ายด้วยการกินวันละ 1 เม็ด อีก 2 วันหลังเซ็กส์ครั้งสุดท้าย
ถ้ากินยาเพร็พแล้ว ยังต้องใช้ถุงยางไหม?
การตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ถุงยางเมื่อกินยาเพร็พแล้วขึ้นอยู่กับคุณและคู่ของคุณ ที่ควรร่วมกันตัดสินใจว่า “ต้อง” ใช้ถุงยางอยู่หรือไม่ ถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือป้องกันเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ แต่ในทางปฏิบัติ การใช้ถุงยางทุกครั้งกับทุกคนอาจทำได้ยาก ยาเพร็พจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ที่ในการป้องกันเอชไอวี
แม้ว่ายาเพร็พจะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้แต่ก็ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส ถุงยางอนามัยยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
ยาเพร็พป้องกันเอชไอวีได้อย่างไร?
เมื่อเรากินยาเพร็พเข้าไป ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการออกฤทธิ์ป้องกันในร่างกาย ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าระยะเวลาตั้งแต่เริ่มกินยาเพร็พจนกระทั่งออกฤทธิ์ป้องกันควรเป็นเท่าใด ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยทั่วไปในกลุ่มเกย์/ชายรักชาย ยาเพร็พจะออกฤทธิ์ป้องกันบริเวณเนื้อเยื่อในช่องทวารหนักหลังจากที่กินยาครบและต่อเนื่องประมาณ 7 วัน
ยาเพร็พมีผลข้างเคียงหรือไม่? มีผลกระทบต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะ 2-3 สัปดาห์หลังจากเริ่มกินยาเพร็พ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เมื่อยล้า เวียนหัว ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่พบได้ทั่วไปในผู้ที่เริ่มกินยาเพร็พ และจะค่อยๆ หายไปเอง
–ยาเป็ป (PEP)
ยาเป๊ปคืออะไร?
ยาเป๊บ หรือยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อ เป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยลดโอกาสในการสร้างไวรัสเอชไอวีในร่างกายหลังจากสัมผัสเชื้อ ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือคิดว่าอาจได้รับเชื้อเอชไอวีจะต้องเริ่มรับประทานยาเป๊บให้เร็วที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการสัมผัสเชื้อ ยิ่งเริ่มใช้ยาเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการป้องกันการติดเชื้อก็มีมากขึ้นเท่านั้น และจะต้องกินวันละครั้งติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หากกินยาถูกวิธี ยาจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ 100%
ยาเพร็พ (PrEP) กับยาเป๊ป (PEP) ต่างกันอย่างไร?
ยาเพร็พและยาเป๊บเป็นยาคนละชนิดกัน ยาเป๊บคือยาป้องกันการติดเชื้อที่ต้องกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อเอชไอวี และจะต้องกินติดต่อกันนาน 28 วัน ส่วนยาเพร็พเป็นยาป้องกันสำหรับผู้มีผลเลือดลบที่ต้องกินวันละเม็ดทุกวันก่อนสัมผัสเชื้อเอชไอวีเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันเชื้อเอชไอวีเมื่อกินอย่างน้อย 7 วัน
ยาเป๊ปได้ผล 100% ในการป้องกันเชื้อเอชไอวีหรือเปล่า?
ยาเป๊บเป็นยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้นคุณจึงยังต้องใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่กินยาเป๊บด้วย เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อเอชไอวี รวมทั้งลดโอกาสแพร่เชื้อเอชไอวีให้คนอื่นหากคุณติดเชื้อระหว่างกินยาเป๊บ
ยาเป๊ปมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?
ยาเป๊บเป็นยาที่ปลอดภัยแต่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก บางรายอาจมีอาการท้องเสีย ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน และอิดโรย อาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายและสามารถรักษาได้
ที่มาข้อมูล : https://www.testbkk.org/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง