Lifestyle

หนาวนี้ต้องระวัง!!! 5 โรคที่ไม่ควรมองข้าม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่มักมาพร้อมฤดูหนาวคือ “เชื้อไวรัส” และ”แบคทีเรีย” ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศแจ้งเตือนว่าประเทศไทยเริ่มเข้าฤดูหนาวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เชื่อว่ามีหลายคนถูกใจไม่น้อยและเตรียมวางแผนเดินทางไปสัมผัสกับอากาศหนาวตามยอดดอยต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่มักมาพร้อมฤดูหนาวคือ "เชื้อไวรัส" และ "แบคทีเรีย" ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

1.ไข้หวัด เกิดจาก อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

  • อาการ ไข้ต่ำ มีน้ำมูก คัดจมูก จาม
  • วิธีรักษา หากเป็นไข้หวัดจากเชื้อไวรัส การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ ทานอาหารครบ 5 หมู่ ก็สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งยารักษา

 

 

2.ไข้หวัดใหญ่ เกิดจาก เชื้อไวรัส อินฟลูเอ็นซา (influenza virus) ที่มักพบมากในฤดูหนาว

  • อาการ มีไข้ปานกลาง ถึง สูง อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อมาก ปวดหัว อาจมีน้ำมูก ไอ
  • วิธีรักษา ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม หรือป้องกันโดยการฉีดวัคซีน

 

3. ปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ เกิดจาก ที่ปอดของเรามีเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าไปอยู่ตามถุงลม ทำให้เนื้อปอดบริเวณนั้นไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ

  • อาการ แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ไอ มีเสมหะ มีไข้สูง มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำลง
  • วิธีรักษา ควรมาพบแพทย์ เพื่อรับยาปฏิชีวนะและยาลดไข้ ตามความเหมาะสมของอาการ นอกจากนี้การดื่มน้ำเยอะก็ช่วยลดเสมหะได้เช่นกัน

 

4.โรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า เกิดจาก ไวรัสโรต้า (Rotavirus) ที่พบได้ง่ายในฤดูหนาว และ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กอายุ ต่ำกว่า 5 ปี

  • อาการ ท้องเสียถ่ายเหลว และบ่อย อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ อ่อนเพลีย
  • วิธีป้องกัน ในปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันไวรัสนี้แล้ว โดยให้ทางปากในเด็กเล็ก (ไม่ได้ฉีดเหมือนวัคซีนชนิดอื่นๆ)

 

5. โรคหัด เกิดจาก เชื้อไวรัสรูบีโอรา" (Rubeola virus) มักพบในเด็กเล็กที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากกว่าผู้ใหญ่ ติดต่อได้จากการ ไอ จาม น้ำลายของผู้ป่วย มีระยะฟักตัวประมาณ 10-14 วัน

  • อาการ มีไข้ ไอมาก ตาแดง น้ำตาไหล มีตุ่มเล็กๆ สีแดงคล้ำขึ้นตามผิวหนัง มีและจะหายไปเอง ภายใน 7 วัน บางรายต่อมน้ำเหลืองหลังใบหูบวม
  • วิธีรักษา เนื่องจากโรคหัดไม่ใช่โรคร้ายแรง การรักษาจึงสามารถรักษาตามอาการจนกว่าจะหาย นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่สามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่เด็ก

 

    ข้อมูล : นพ.วีระยุทธ บุญเกียรติเจริญ แผนกตรวจสุขภาพ ประจำโรงพยาบาลเปาโลรังสิต

    ภาพ : https://pixabay.com/th/

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ