Lifestyle

จะทำอย่างไร เมื่อคนทำผิด ' ไม่ใช่ครู '

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความจริงเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ผู้ก่อเหตุทำร้ายเด็กในโรงเรียนเอกชนดัง ' ไม่ใช่ครู ' แล้วครูไปไหน ทำไมไม่อยู่ในชั้นเรียน โรงเรียนดังค่าเทอมหลักหมื่น ไม่มีครูสอนในชั้นเรียน มีเพียง พี่เลี้ยงเด็ก กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ..บทวิเคราะห์โดย ชัยวัฒน์ ปานนิล

        จากประเด็นร้อน ครูห้องเด็กอนุบาลโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับนักเรียน วันที่ 27 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) ได้แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนว่า จากกรณีครูทำร้ายเด็กที่เสนอผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ ตนได้รับข้อมูลแล้ว และจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า ครูที่ก่อเหตุ จบ ม.6 ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู แต่ก็สามารถสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงได้ เพราะครูพี่เลี้ยงก็เท่ากับพี่เลี้ยงเด็ก

 

    อ่านข่าว : ' รมว.ศธ.' คาดโทษผู้บริหารสารสาสน์ทั้ง 42 โรงเรียน ไม่มีตั๋วครู-ผิดอาญา

 

      แต่ที่โรงเรียนต้องคัดกรอง และดูพฤติกรรมก่อนรับทำงาน เพราะหน้าที่ของครูพี่เลี้ยง คือ มีหน้าที่ช่วยเหลือครู ไม่สามารถทำเกินหน้าที่ได้ หากพี่เลี้ยงทำเกินหน้าที่ โรงเรียนต้องรับผิดชอบด้วย เพราะครูเป็นวิชาชีพควบคุม หากจำเป็นต้องกล่าวโทษใครบ้าง ก็จะเสนอต่อคุรุสภาต่อไป เพื่อมาดูเรื่องใบประกอบวิชาชีพครูอีกด้วย

 

     ส่วนครูอีกรายที่อยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ได้แก่ นายมาร์วิน อายุ 25 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ เป็นครูสอนภาษาที่ปรากฏในคลิปว่าใช้ความรุนแรง ด้วยการกระชากแขนเด็กอนุบาลในห้องครูจุ๋ม

 

       จากการตรวจสอบเอกสารนายมาร์วิน ครูสอนภาษาอังกฤษชาวฟิลิปปินส์ พบว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 จากนั้นได้ยื่นเอกสารขออยู่ต่อจนถึงวันที่ 26 ก.ย. 2563 เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้ยื่นเรื่องขออยู่ต่อจนถึงวันที่ 26 ต.ค.2563 โดยเรื่องยังอยู่ในระหว่างรออนุมัติ เพื่ออยู่ต่อในประเทศไทย  

     และนายมาร์วินได้ไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ โดยเริ่มงานแบบทดลองเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือนละ 20,000 บาท โดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่าอยู่ระหว่างทดลองงานจึงไม่มีหนังสือสัญญาว่าจ้าง

 

      สรุปได้ว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องและปรากฏในคลิปของโรงเรียนดังแห่งดังกล่าว ไม่ใช่ครูแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าที่หรือคุณสมบัติ รวมทั้งวุฒิการศึกษาก็ไม่ถูกต้อง และเป็นการปฏิบัติการสอนหลัก ไม่ใช่เป็นผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงเด็กในชั้นเรียน    

 

      สำหรับ บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่การสอนในสถานศึกษาได้จะต้อง มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เป็นหลักฐานแสดงการอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 จึงจะมีสิทธิในการประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษาได้ ทั้งสถานศึกษาของของรัฐและเอกชน ครูต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ยกเว้นผู้มิได้ประกอบวิชาชีพหลักด้านการเรียนการสอน บุคลากรทางการศึกษาที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญา

 

        หากผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต หรือแสดงด้วยวิธีการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพ รวมทั้งสถานศึกษาที่รับผู้มิได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา จะต้องได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 78 และ 79 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 

   

       ในส่วนของชาวต่างชาติ การขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1.อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 2.มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอย่างอื่นที่คุรุสภารับรอง 3.ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 และมีมาตรฐานความรู้ตามมาตรฐานความรู้ที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด (9มาตรฐาน) มาตรฐานด้านภาษาและวัฒนธรรมไทย รวมทั้งมาตรฐานด้านจรรยาบรรณของวิชาชีพ
 

      นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ คือ ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 1 ปี

 

      จากภาพข่าวและรายละเอียดที่นำเสนอพอสรุปได้ว่า บุคคลดังกล่าวทั้ง 2 คน ที่ปรากฏพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ปกครองนักเรียน ไม่ใช่ ครู ผู้มีใบประกอบวิชาชีพ และได้รับอนุญาตให้ทำการสอนในโรงเรียน เป็นเพียงพี่เลี้ยงเด็ก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เท่านั้น

 

      จึงมีคำถามต่อไปอีกว่า แล้วครูประจำชั้นอยู่ที่ไหน เมื่อทั้งสองคนไม่ใช่ครู แล้วใครที่เป็นคนที่จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีอีกกี่โรงเรียนที่เป็นเช่นนี้ เมื่อแฟชั่นครูต่างชาติกำลังเป็นที่นิยม โรงเรียนเอกชนอย่างน้อย 2 โรงเรียนต่ออำเภอ มีครูต่างชาติเข้ามาทำการสอนเกินครึ่งของครูที่มีอยู่ หน่วยงานที่รับผิดชอบสนใจจะติดตามตรวจสอบหรือไม่

 

     คงต้องฝากคำถามถึง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะที่ท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับการศึกษาเอกชน

 

จะทำอย่างไร เมื่อคนทำผิด ' ไม่ใช่ครู '

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ