เด่นโซเชียล

อ่านประวัติ "ชนบท ศุภศรี" รู้เลยทำไมเเม่ "เเตงโม" เชิญเป็นที่ปรึกษาคดี

อ่านประวัติ "ชนบท ศุภศรี" รู้เลยทำไมเเม่ "เเตงโม" เชิญเป็นที่ปรึกษาคดี

27 พ.ค. 2565

เปิดประวัติ อดีตผู้พิพากษา "ชนบท ศุภศรี" ผู้กล้าวิจารณ์คดี "เเตงโม" พบสอบเนติฯเมื่อปี 15 พร้อม 2 นักกฎหมายดัง ล่าสุดเเม่เเตงโมเชิญเป็นที่ปรึกษา

เพราะคดี "เเตงโม" ทำให้ นาย "ชนบท ศุภศรี" อดีตผู้พิพากษา วัย 73 ปี ต้องรื้อเอกสารเก่าโชว์ประวัติแบบละเอียดยิบ เคลียร์ข้อสงสัยชาวเน็ต หลังออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี "เเตงโม" นิดา และเคยระบุว่าการเสียชีวิตของเเตงโมเป็นคดีฆาตกรรม เเต่กลับถูกตั้งประเด็นสงสัยว่า เป็นเนติปลอม เป็นผู้พิพากษาปลอม 

หลังวิจารณ์คดี "เเตงโม" จนได้เรื่อง ทำให้ อดีตผู้พิพากษา นาย "ชนบท ศุภศรี" ชี้เเจงผ่านเฟซบุ๊ก "กฎหมายชนบท" ว่า กรณีหลายคนข้องใจว่าตนเป็นเนติปลอม เป็นผู้พิพากษาปลอม อาจเป็นเพราะมีการปลอมวุฒิการศึกษาในโลกโซเชียล และน้อยคนนักที่จะบ้าลาออกจากผู้พิพากษามาเป็นทนายความ และบ้ามากที่ตั้งใจจะแต่งตำรากฎหมายถึง 30 เล่ม 

สำหรับประวัติการศึกษาหาทำหน้าที่ผู้พิพากษา ระบุว่า ได้จบนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2515 นิติ มธ. 2510

เข้าเรียน ปี พ.ศ. 2510 ( เรียน 4 ปีครึ่ง...) ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อเดิมคือ พรศักดิ์ ศุภศรี  โดยสอบได้ลำดับที่ 14 

ต่อมา สอบเนติฯ ได้สมัยที่ 25 เมื่อ ปี พ.ศ. 2515 ได้ลำดับที่ 12 แต่เพิ่งไปขอจดทะเบียนเป็นสามัญสมาชิก เมื่อ ปี .พ.ศ. 2517 


ประวัติการเข้ารับราชการเป็น " ผู้ช่วยผู้พิพากษา " รุ่น 19

เมื่อ ปี พ.ศ. 2521 รับราชการ 18 ปี จนเป็น " ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี "

จากนั้นได้ลาออกไปรับสมัครเป็นสมาชิกผู้แทนราษฏรที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งผลปรากฏว่า สอบตก

 

หลายคนไม่เชื่อว่าตนเคยเป็น " อดีตผู้พิพากษา " และบางคนบอกว่าเป็น เนติฯ ปลอม เพราะไม่เคยเห็น " เปิดตัว " หรือ " ถ่ายรูป " โชว์พาว และไปค้นประวัติของตนแล้วไม่เจอ

 

จึงขอถือโอกาสนี้บอกเล่าประวัติส่วนตัวที่ไม่ดีของตน

 

1. บิดาของตนชื่อ นาย อ. ศุภศรี ในอดีตเป็นเจ้าของโรงเลื่อยจักรศุภศรี ซึ่งเป็นโรงเลื่อยไม้โรงแรกของจังหวัดพัทลุง ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว เพราะถูกธนาคารยึดทรัพย์ ที่ดินที่ตั้งโรงเลื่อยไม้ในเขตตัวเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ถนนราเมศวร์ ถนนสายหลักสายแรกของพัทลุง ปัจจุบันราคาประมาณ 200 ล้านบาท

 

2. มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน ทุกคนมีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีทุกคน

 

3. ตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา ม.ศ. 3 ที่โรงเรียนพัทลุง จังหวัดพัทลุงเมื่อ ปี 2507 แล้วไปเรียนต่อ ม.ศ 4 ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร ปี 2508 รุ่นลมโชยจนจบ ม.ศ 5 ในปี 2509 สอบได้เป็นที่ 1 ของห้อง ซึ่งเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันบอก "เพราะมึงลอกเก่ง 555"

 

4. เข้ามาอยู่กรุงเทพ เป็น " เด็กวัด " ชื่อ " วัดราชาธิวาส " มีเพื่อนร่วมห้องเป็นนายพลตรีทหาร 1 คน ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เริ่มจากเป็นเด็กล้างจาน ได้เลื่อนขั้นไปเป็นเด็กเสริฟ์ของร้านโลลิต้า และ ร้านศรแดง ถนนราชดำเนิน ( ได้วิชา " บ๋อย " ผู้รับใช้บริการ ลูกค้ามาเยอะมาก )

 

5. สอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะ นิติศาสตร์ เมื่อปี 2510 ช่วงนั้นยังเป็นเด็กเสริฟ์ ร้านเลิฟ สยามสแควร์ ที่ท่านพี่แจ้ ดนุพลไปร้องเพลง ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ ปี 2 - ปี 3 สอบตกทุกวิชา เนื่องจากกลางวันมัวแต่ทำกิจกรรมที่ " เล้าไก่ " และช่วงเย็นหลอกฝรั่งที่สยามสแควร์ ให้เล่นไพ่ ดีที่ตำรวจจับตัวไม่ได้ เรียนหนังสือ 4 ปีครึ่ง จบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต เมื่อ ปี 2515 มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็น " ประธานศาลฎีกา " 2 ท่าน

 

6. สอบได้เนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 25 เมื่อปีการศึกษา 2515 ได้ที่ 12 อ.จรัญ สอบได้ที่ 1 อ.ดร.วิษณุ สอบที่ 2 มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นอดีตประธานศาลฎีกา 1 ท่าน

 

7. เข้ารับราชการที่กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปี พ.ศ. เท่าไรจำไม่ได้ ( เพราะคาบเกี่ยวกันหลายปี ) แต่มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นผู้พิพากษาและอัยการหลายท่าน โดยเฉพาะรองอัยการสูงสุดถึง 4 ท่าน

 

8. ลาออกจากราชการไปทำงานเอกชน บริษัท สังกะสีไทย จำกัด ที่จังหวัดสมุทรปราการ 4 ปี แล้วลาออกในปี 2520

 

9. สอบได้ "ผู้ช่วยผู้พิพากษา " เมื่อปี 2520 ขณะนั้นยังทำงานเอกชนอยู่และเข้ารับราชการเป็น " ผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่นที่ 19 " ในปี 2521 มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็น " ประธานศาลฎีกา 1 ท่าน

 

10. เข้ารับการอบรมเป็น " ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล " เมื่อ ปี พ.ศ. 2533 มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็น ประธานศาลฎีกา 3 ท่าน

 

11. ผมตกรุ่นหลายรุ่น จึงมีเพื่อนร่วมรุ่นเป็น ประธานศาลฎีกา 7 ท่าน เป็นอัยการสูงสุด 2 ท่าน

 

ประวัติข้อมูลการรับราชการของนายชนบท ( พรศักดิ์ ) ศุภศรี.

1. ปี 2521 เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เงินเดือน 3,965 บาท

 

2. ปี 2521 รับการอบรมศาลแพ่ง
รับการอบรมศาลอาญา
รับการอบรมศาลแพ่ง
รับการอบรมศาลอาญา
รับการอบรมศาลแพ่ง

 

3. ปี 2522 ผู้พิพากษาประจำกระทรวง เงินเดือน 4,720 บาท
ผู้พิพากษาประจำกระทรวง เงินเดือน 5,000 บาท

 

4. ช่วยทำงานผู้พิพากษาศาลอาญา
ช่วยทำงานศาลจังหวัดสุราษฏร์ธานี
ช่วยทำงานศาลอาญา

 

5. ปี 2523 ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่
เงินเดือน 5,945 บาท

 

6. ปี 2524 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่
เงินเดือน 8,885 บาท

 

7. ปี 2527 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดลำพูน
เงินเดือน 12,535 บาท

 

8. ปี 2529 ลาออกจากราชการตอนเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดลำพูน เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดลำพูน ผลการเลือกตั้ง สอบตก

 

9. ปี 2530 กลับเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวง

 

10. ปี 2530 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก
เงินเดือน 13,095 บาท

 

11. ปี 2533 รับราชการผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก

 

12. ปีถัดมาเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์

 

13. ปี 2539 ลาออกจากราชการ (ไปเป็นที่ปรึกษาให้น้องๆ)

 

14. ประกอบอาชีพทนายความจนถึงปัจจุบัน.
 
และทั้งหมดนี่คือประวัติของผมครับ.