บันเทิง

'แอนนา' อัดยาวันละ 11 เม็ด จ่ายหนี้วันละแสน เผยคดีกล่องสุ่ม - ทองหาย 4 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แอนนา" โต้เชิดเงิน คลีนิกศัลยกรรม หายหน้า เพราะจิตใจบอบช้ำ ทุกวันนี้กินยาวันละ 11 เม็ด เดินรอบบ้านตอน ตี 3 วูบหนึ่งมีคิดสั้น เป็นหนี้หลัก 10 ล้าน ผ่อนจ่ายวันละแสน คดีกล่องสุ่มทิพย์กำลังไกล่เกลี่ย ทยอยคืนเงินให้ลูกค้า ส่วนคดีทองหาย 4 ล้าน ปล่อยไปตามกระบวนการ

ออกมาชี้แจงแล้ว สำหรับ "แอนนา วรินทร วัตรสังข์" หรือ "แอนนา ทีวีพูล" หลัง "พุดเดิ้ล ยุพดี" เพื่อนสนิท ออกมาโพสต์แจ้งข่าว เครียดหนัก เพราะแอนนามีอาการผิดปกติ ตี 3 ตี 4 เดินทั่วบ้าน จนคนในบ้านมันผวากันหมด กลัวนางจะคิดสั้นอีกรอบ รวมถึงก่อนหน้านี้หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนคลีนิกศัลยกรรม ประกาศตามตัว รับเงินค่าตัวแล้วหายไปไหน โดย แอนนา ตอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่ The art clinic ถนนลาดพร้าว พร้อมอัปเดตคดีกล่องสุ่มทิพย์ ที่มีผู้เสียหาย 100 กว่าคน และประเด็นทองหาย 4 ล้าน

 

วันนี้มีโอกาสชี้แจง?
แอนนา :
ก็ยอมรับค่ะ ที่ผ่านมาเราไม่ได้เข้ามาที่คลีนิกเลย แม้กระทั่งตัดไหมก็ไม่ได้เข้ามา อันนี้ต้องขอโทษคุณหมอด้วย คือตอนที่มันมีข่าว เรามันฉาวอ่ะ คือคลีนิกเขาดีมาก มีดารามาทำเยอะมาก เราก็มองว่าช่วงที่เรามีข่าวฉาว เรายังไม่เข้ามาตัดไหมดีกว่า เราจ้างพยาบาลข้างนอกให้มาตัดที่บ้าน 

 

ต้องยอมรับสภาพจิตใจตอนนั้นไม่พร้อมที่จะเจอใคร ทางคลีนิกก็ทักมาตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง แผลเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนั้นจิตใจไม่พร้อมที่จะเจอใคร แต่ปัญหาคือวันที่พร้อมเราดันไปคอนซัลท์คลีนิกอื่น อันนี้ก็ขอโทษจริงๆ พอน้องบลูเห็นภาพเราไปทีซีสแกนที่คลีนิกอื่น ไปทำอะไรหรือเปล่า ยอมรับว่าตอนนั้นไปเป็นเพื่อนพุดเดิ้ล เราก็เลยไปซีทีไว้เผื่อได้งาน มันก็เลยเป็นประเด็นว่าทำไมตามหาแอนนา 

บลู : ก็ตามพี่แอนนาตลอด ติดต่อพี่แอนนาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย โทรหาก็ไม่รับสาย โทรหาพี่พุดเดิ้ลก็ไม่รับ พอบอกว่าจะเข้ามา ก็ไม่เข้ามา เราก็ห่วงกังวลเรื่องที่ทำหน้าผากไป เพราะไม่ได้มาตัดไหม ไม่ได้มาให้คุณหมอดู คือถ้ามันเป็นปัญหา มันก็คือผลงานที่เราทำด้วย 

 

แอนนา : คือวันที่ติดต่อแอนนา แอนนาก็บวชอยู่วัดวัดหนึ่ง เราก็ปฏิบัติธรรมเลยไม่ได้จับโทรศัพท์ จริงๆก็เป็นข้ออ้างแหละ เพราะมันมีหลายวันที่เราจับโทรศัพท์ได้ แต่เราคิดว่ารอให้เรื่องมันเงียบกว่านี้หน่อยไหม แล้วเราค่อยเดินเข้ามา แต่แอนนาก็ยังรีวิวให้นะ ถ้าใครดูเฟซบุ๊กแอนนาจะเห็นว่าแอนนาลงให้ตลอด คือเขาก็เป็นห่วง เพราะแอนนามีนัดทำวันนี้ด้วย ซึ่งทำไมไม่เข้ามาคอนซัลท์ก่อน ซึ่งแอนนาก็ไม่ได้มา 

 

หมอ : มันก็มีผลนะครับ เพราะว่าคุยกันแล้วตอนต้น อยากให้เป็นตามแผนการรักษาที่วางเอาไว้ เพราะเราเพิ่งทำไปสเต็ปแรก ยังเหลือครึ่งล่าง กราม กระดูก ก็อยากให้จบ ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด 

 

ผิดข้อสัญญาที่ตกลงกันไหม?
บลู :
จริงๆก็ผิดข้อสัญญา เราก็ไม่อยากมีปัญหาเพราะว่าเขาเป็นคนในสื่อ

 

แอนนา : เรายอมรับตรงๆว่าเราผิดข้อสัญญา ที่ผ่านมาเรารับงานด้านศัลยกรรมเยอะมาก เพราะว่าเราก็อยากได้เงิน กลับทางนี้เราก็รู้สึกผิดจนไม่กล้าเข้ามาหาเขา คือเขาทำสวยด้วย แต่ว่าเราไม่มา ตัดไหมเราก็ไม่มา ยาเราก็ไม่กิน ไม่กินยาแก้อักเสบ เรายอมทนเจ็บ เราเป็นคนแปลกๆ

"แอนนา วรินทร วัตรสังข์"

ตอนนั้นหลายคนตกใจ จริงๆโกรธเขาไหม?
บลู :
ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็เป็นวิธีสุดท้าย ก็ต้องมีความโกรธนิดๆ ถ้าบอกว่าไม่โกรธก็คงโกหก แต่ก็ไม่อยากมีปัญหา ก็คิดว่าเป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่จะตามเขาได้ ตอนนั้นโพสต์ไปได้แปบเดียวแอนนาก็ติดต่อเข้ามา เขาขอโทษ 

 

ส่งผลกับแอนนาไหม?
แอนนา :
ทุกคนเห็นก็บอกให้รีบเคลียร์ อยู่ในวงการมา 17 ปี ถ้าเราผิดเราก็ยอมรับ แต่ถ้าใครจะไม่จ้างเราเพราะว่าเหตุผลนี้เขาก็มีสิทธิ์ และเราก็ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ เราก็ยอมรับผิดก็คือผิดไม่แถ ตอนนี้ก็ยังรับงานเหมือนเดิมนะ ลดราคาให้ด้วย เพราะงานน้อยลง 

 

บลู : ก็อยากให้เข้าใจที่ทำไปเราก็กังวล เพราะหายไป 2 เดือน

 

หลายคนบอกเป็นคอนเทนต์?
แอนนา :
คอนเทนต์แบบนี้ไม่แลกหรอกค่ะอยู่ในวงการมา 17 ปี ไม่ให้ใครมาดิสเครดิตหรอกค่ะ เอาจริงๆป่ะ เป็นครั้งแรกที่เจออะไรแบบนี้ เอาตรงตรงนะคะกับที่นี่เรารักมากๆ เขาดูแลดี ดังนั้นวันนี้แอนนาผิดแอนนาขอโทษ คือมันเป็นเรื่องของสภาวะจิตใจที่เจอก่อนหน้านี้ เหมือนเรากลัวสังคม กลัวคนมาถามอะไรแปลกๆแล้วจิตตก

 

คุณบลูได้มีการสัญญาอะไรเพิ่มไหมเพื่อไม่ให้มีการเกิดการซ้ำรอย?
บลู :
รอบนี้ก็คือสัญญาเป็นรายลักษณ์อักษรเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีสัญญานะคะแต่ว่าด้วยความที่สนิทกันเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีประเด็นหรือปัญหาเพราะว่าทำงานกับพี่แอนนามาก็ไม่เคยมีประเด็นหรือมีปัญหาอะไร ก็มีการร่างสัญญาขึ้นมาเพิ่มอีกหนึ่งฉบับ

 

หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วมีขออะไรเพิ่มเติมไหม?
บลู :
ถ้าในเรื่องของการรีวิวถ้าจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะให้พี่แอนนาพูดความจริง ดีไม่ดีทุกอย่างสามารถรีวิวได้เลยตามที่พี่แอนนาทำให้มันเป็นความจริงเลย แต่เรื่องของงานขอให้คุยกันว่าขอให้ไม่ซ้ำเหมือนเดิม เพราะว่าทุกคนทำงานลำบากหมดเลย ทางพนักงานและคลินิกเองก็ลำบาก สงสารคุณหมอด้วยเพราะว่าผ่าให้พี่แอนนาทีก็ผ่ายันเช้า ละเอียดมาก ก็อยากจะให้พี่แอนนาไม่เป็นเหมือนเดิม

 

ถ้าเกิดมีการผิดสัญญาจะปรับไหม?
แอนนา :
แอนนาจะบอกเลยนะว่าจะไม่มีการผิดสัญญาอีกแล้ว เพราะว่าหน้าของดิฉันเป็นหน้าของดิอาร์ตคลีนิคไปแล้ว หน้าใบนี้เป็นหน้าของดิอาร์ตคลีนิค หลังจากนี้ก็จะยุบโหนกตัดกามทำวีไลน์ ก็เหลากรามให้เล็กสวยเป็นบาร์บี้ตามความตั้งใจ

 

จริงๆมันมีผลไหมที่แอนนาบอกว่าฉีดยาสลบแล้วไม่สลบ?
แอนนา :
คือไม่ใช่ค่ะ แอนนาบอกว่าแอนนากลัวเรื่องยาสลบ คือแอนนาก็ต้องยอมรับว่าดมยาสลบมาหลายรอบ แต่พอมาถามครั้งนี้ เขาใช้หมอดมยาก็สบายใจ

 

หมอ : ไม่นะรอบที่แล้วก็หลับยาว (หัวเราะ) ฉีดยา 15 วิก็หลับแล้ว

 

บลู : พี่แอนนาเขากลัวจริงๆ เพราะว่าคราวที่แล้วแพลนอยากจะให้ทำทั้งหน้าแต่พี่อันนาบอกว่าไม่อยากดมยานาน

 

แล้วถ้าเกิดคนไข้มีภาวะกลัวอย่างนี้คุณหมอมีอะไรปลอบประโลมลมคนไข้ไหม?
หมอ :
คือจริงๆตามมาตรฐานของการดมยา เราจะใช้วิสัญญีแพทย์ต่อคนไข้หนึ่งคนแล้วก็หมอผ่าตัด1คน แล้วก็ให้ยานอนหลับทางเส้นเลือดดำก่อน ให้หลับแล้วก็ใส่เครื่องช่วยหายใจ แล้วหลังจากนั้น ก็ให้ยาดมสลบก็จะให้ตามความเหมาะสมของคนไข้แต่ละเคส ถ้าประวัติคนไข้ที่ใช้สารเสพติดมานี่มันอาจจะดมยาหลับยากหน่อย มันอาจจะมีปัญหาแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะว่าคุณหมอดมยาเขาก็เรียนมาอยู่แล้วว่าถ้าเจอเคสแบบนี้ต้องแก้ไขยังไง

 

แอนนา : ก็ต้องยอมรับว่าคุณหมอเก่ง คือก่อนหน้านี้มันก็มีข่าวมากมายเรื่องการดมยา เราก็ยอมรับว่ากลัวเนาะ ก็คือจะกลัวตุย แต่วันนั้นที่ดมยาไปผลข้างเคียงคือไม่อ้วกผ่อนคลายไม่เจ็บก็โอเค สบายใจ หลับแน่ ตื่นแน่ค่ะ

"แอนนา วรินทร วัตรสังข์"

หลังจากที่เราหายไปเราบอกเราไปเข้าวัดเราไปทำอะไรมา?
แอนนา :
คือแอนนาบอกตรงๆนะหลายคนบอกว่าทำไมติดต่อแอนนายาก คือสภาพจิตใจแอนนาไม่พร้อมที่จะรับโทรศัพท์ ไม่พร้อมที่จะรับสายใคร เพราะว่าแอนนาก่อนหน้านี้แอนนารับสายครั้งนึงเราก็จะเจอลูกค้าร้องไห้ว่าวันนี้อยากฆ่าตัวตายซึ่งเวลาเราเจออะไรแบบนี้แล้วก็ทำให้เราดิ่ง เราก็ไม่รับโทรศัพท์

 

จริงๆไม่รับโทรศัพท์เลยต่อให้เขาจะโอนเงินให้เราเราก็ไม่รับ บางคนโทรมาจ้างงานเรายังไม่รับเลย คือจริงๆอ่ะเมื่อก่อนน่ะแอนนาเวลาคิดสั้น แอนนาจะไม่บอกใครเลยแอนนานจะทำเลย  แต่เดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ เวลาที่รู้สึกอยากจะคิดสั้น แอนนานระบายให้พี่จี้ฟัง จะระบายให้คนในบ้านฟัง ว่าวันเนี่ยมันมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าเราเสพติดความเจ็บปวด จนมันแบบเป็นโรคจิตเวชหรือเปล่า  คือตอนนี้กำลังจะไปปรึกษาหมอคลินิก ตอนแรกจะไปที่คลินิกย่านสนามบินน้ำ แต่ว่าติดต่อคุณหมอยากได้คิวยาก งั้นวันนี้ขอประกาศเลยแล้วกันนะคะ ถ้าเกิดคุณหมอคนไหนที่เป็นคุณหมอจิตเวชเก่งๆหรือใครที่รู้จักคุณหมอ แนะนำและสวเคาะห์แอนนาหน่อย เพราะว่าทุกวันนี้แอนนาพูดเอง พูดตรงตรงว่ากินยาจนจนลิ้นแข็งหมดแล้ว เมื่อก่อนคือไม่ได้เป็นแบบนี้ พูดรัวมาก

 

ตอนนี้กินกี่เม็ด?
แอนนาน :
11 เม็ดค่ะ ปีที่แล้วกิน8 ตามปกติเลยจะกินแค่3  คือปีที่แล้วมันมีเรื่องเพื่อนก็ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ก็กินมาเป็น8  คนนอกอาจจะมองเราไม่ได้รู้สึกอะไรไม่ได้ตามเรื่องคดีหรืออะไร แต่เราจะบอกว่าเราคุยกับแม่ตลอด กับพี่จี้เราก็จะระบายตลอด เล่าให้เขาฟังตลอดว่าเราเสียใจนะ แต่พอมาสิ้นปีเราก็เริ่มทำใจได้ แล้วปีเนี่ยมันเหมือนเป็นปีชง ที่ชงเข้มมาก เจออะไรก็ไม่รู้หนักมากจนกลายเป็นว่าพอเจอความเจ็บ  อย่างเช่นดูดไขมันหน้าท้อง ถ้าเราเจ็บก็เหมือนว่าจิตเราไปอยู่ที่ตรงนี้แล้วมันไม่เครียด รู้สึกว่าเจ็บแล้วมันไม่เครียดก็เลยรู้สึกว่าเอ้ย เราเป็นคนเสพติดความเจ็บหรือเปล่า เราก็แค่อยากจะไปหาหมอ หลายคนถามว่าทำไมยังไม่ไปหาหมอ คือยังไม่เจอหมอที่ใช่ เราไปหามาแล้วหลายที่แล้วเราก็กินยาปกติ แล้วก็รู้สึกว่าการกินยาเพื่อที่จะให้หลับตลอดเวลามันไม่ใช่ทางออก เพราะว่างานไม่ได้ทำเลย คือคนบอกว่าเห็นอยู่ในติ๊กต็อกตลอด รีรันค่ะ

 

แล้วมันจริงไหมที่เรากินยา แล้วพุดเดิ้ลออกมาโพสต์ว่าเราหลอนแล้วอยู่ดีๆกลางดึกเราก็เดินออกมาเล่นๆในบ้าน?
แอนนา : คือมันไม่ใช่หลอน ตอนกินยาช่วงเวลาสี่ทุ่มแล้วปกติกินยาสี่ทุ่มมันจะต้องตื่นตอน 10 โมงเช้า แต่เราผวาเหมือนแพนิคเราตื่นขึ้นมาตอนตีสองแล้วมันไม่หลับแล้ว เราก็เดินไปทำงานเดินลงมาเช็คว่าเราเป็นหนี้ใครเท่าไหร่  คือพุดเดิ้ลก็เลยงงว่าตีสามทำไมลงมาเจอแอนนา ในห้องน้ำก็เจอแอนนา แล้วก็ทำนู่นทำนี่หน้าคอม นางก็กลัวว่านางจะคิดสั้น คือพุดเดิ้ลอะ แอนนาก็พูดได้ไม่ 100 อันนี้พูดตรงๆ พี่จี้อ่ะ เขามีอะไรเขาก็จะรับฟังเรา พุดเดิ้ลเขาไม่ใช่ทรงรับฟัง เขาจะเป็นทรงที่เตือน แอนนานอย่าทำอย่างนี้นะอย่าเป็นแบบนี้นะ แอนนาก็เลยไม่ค่อยกล้าพูดไรกับพุดเดิ้ลกลับ เหมือนวันก่อนพุดเดิ้ลโทรมาถามแอนนาว่าคลินิกโทรมาตามอีกแล้ว 18 เอาไง ก็เลยบอกพุดเดิ้ลว่าพุดเดิ้ลจัดการเลย งั้นจัดการเลยนะ พุดเดิ้ลก็เลยบอกทางนี้ว่า พี่อยากทำอะไรก็ทำเลยค่ะ

 

แต่ตอนที่เราเดินในบ้านตอนตีสามไม่ได้คิดสั้นใช่ไหม?
แอนนา :
มันก็มีวูบหนึ่ง คือหนูจะเล่าเรื่องการคิดสั่นให้ฟัง ถ้าใครเป็นหมอดูอยู่วินิจฉัยหนูหน่อย หนูไม่ได้รู้สึกเศร้าไม่ได้รู้สึกนอย ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการที่เราจะจากไป เรารู้สึกว่าเราจะเดินไปปิดไฟให้มันดับลง เราก็จะได้นอนหลับสักที มันเป็นความรู้สึกแค่นั้นเลย แล้วก็ไม่ได้กลัวอะไรด้วย เฉยๆ คือแอนนาเห็นบางคนที่เขาคิดสั้น เขาจะร้องไห้เสียใจแต่แอนนาไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แอนนาแค่รู้สึกว่าถ้ารอบนี้ทำก็คงไม่ใช่แค่ทำแบบเดิมๆที่มันไม่สำเร็จ ก็เลยอยากจะหาหมอให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกวันนี้ภาวนาเลยนะว่าขอให้เราเป็นโรคภัยไข้เจ็บตายก่อนที่เราจะคิดสั้นสำเร็จ


คนรอบข้างว่ายังไงบ้าง?
แอนนา :
เขาว่าเราบ้าค่ะ

 

พี่จี้ : เพราะในความตัวเอง ยังคิดว่าอยากให้แอนนาพบจิตแพทย์ ตั้งแต่แรกๆ แล้ว เพราะทั้งรับยาเยอะ ทำงานหนัก สมองมันรุมเร้าไปหมด แต่เผอิญเขาก็ชวนไปปฏิบัติธรรมกัน ก็เป็นทางเลือกที่ดี ทำให้สงบลง

 

ยาที่กินมาอะไรบ้าง?
แอนนา :
ยานอนหลับหมดเลยค่ะ หลับลึก คลายเครียด แก้วิตกกังวล แพนิค มันก็ได้ผลค่ะ มันหลับ แต่ตื่นมาก็เหมือนเดิม แต่แอนนาคิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องจิตเวช มันต้องแก้ที่ต้นเหตุ ว่ามันเกิดการอะไร ปัญหาคือเราไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ ในชีวิตมาก่อน แต่พอเรามาเจอเรื่องหนักแบบนี้เรารับไม่ไหว พอรับไม่ไหวปุ๊บ ก็ติดต่อไปซื้อยาไซยาไนด์ แต่เขาไม่ขาย ติดต่อซื้อปืน แต่เขาบอกว่าการครอบครองปืนจะมีกระบวนการ ใช้เวลา 2-3 เดือน คือเราลองหมดแล้ว แล้วก็คิดว่าถ้าเราจะโดดตึกลงมา เจ้าของตึกจะมีปัญหาหรือเปล่า เดือดร้อน ตอนหลังเลยใช้วิธีปรึกษาคนในบ้าน จนคนในบ้านผวา ซึ่งจริงๆ เรื่องแบบนี้เราต้องคุยกับจิตแพทย์ เราจะมาคุยให้คนในบ้านฟัง อย่างพุดเกิ้ล พี่ไวท์ พี่จี้ เขาฟังแล้วเขาก็วิตกกังวล ว่าเอายังไงดีล่ะ อยู่ไม่ติด

"แอนนา วรินทร วัตรสังข์"

ช่วงนี้หลังคุยกับจิตแพทย์คนล่าสุด เขาแนะนำอะไรบ้าง?
แอนนา :
พบจิตแพทย์ถามว่าดีไหม ดีค่ะ แต่เราอยากคุยเป็นช่วงโมง ไม่ใช่ 5 นาที อยากคุยกับเขาสักชั่วโมงหนึ่ง ว่าเราเจอปัญหาอะไรมาบ้าง เราเจ็บเนี่ย แล้วเรามีความสุขเนี่ย มันผิดปกติไหม เราอยากคุยกับจิตแพทย์ที่มีเวลาให้เราจริงๆ เวลาไปโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เรา 10 นาทีก็เยอะแล้ว

 

แล้วต้นเหตุของปัญหามันเกิดจากอะไร?
แอนนา :
เป็นคนประมาทเลินเล่อ ไม่วางแผนในชีวิต ใช้ใจทำธุรกิจ ไม่ได้วางแผนในการใช้ชีวิต ซึ่งปีที่แล้วพอเราเงินได้ตั้งเยอะ เราควรจะไม่ล้ม กลายเป็นหาเงินได้เยอะแต่ขาดทุน เพราะไปแจกบ้าน แจกรถ แจกโน่นนี่ แจกชุดนักเรียน แจกคนไมีมีเงินจะไปหาหมอ แจกเยอะจริงๆ แจกลูกค้าก็เยอะ คืนกำไรก็เยอะ คืนจนงงอะ พอมาดูสเตจเม้นก็เอ้า เราขาดทุนเหรอ ก็ขาดทุนไปหลัก 10 ล้านค่ะ

 

ต้องใช้หนี้เท่าไหร่ และต้องจ่ายหนี้วันละเท่าไหร่?
แอนนา :
หลัก 10 ล้านค่ะ ต้องจ่ายวันละเป็นแสน 

 

ยังมีเงินหมุนอยู่ไหม? 
แอนนา : วันต่อวันค่ะ ก่อนมานี่ รู้ว่าวันนี้หาเงินไม่ได้ ก็เอาเสื้อผ้ามาขาย เอาต่างหูเครื่องประดับมาขาย คือของแบรนด์เนมกระเป๋าอะไรก็ขายไปหมดแล้ว เราไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว ว่าเราต้องมีแหวน มีต่างหู นาฬิกาใส่ เพราะทุกวันนี้ใส่พระ 3 องค์กับสร้อยเงิน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแค่นั้นเลย

 

พุดเดิ้ลประกาศขายบ้าน จะเอาเงินมาช่วยเราไหม?
แอนนา :
ขอยืมพุดเดิ้ลไว้แล้ว คือตอนปีที่แล้วพุดเดิ้ลงานเยอะ ด้วยกระแสด้วยอะไร แล้วเขารับงานให้แอนนา ก็ได้ค่าคอมไปมาก นางก็เลยซื้อบ้าน ตอนเขาซื้อบ้าน เราก็ทำสัญญาไว้ว่าพี่จะเช่าบ้านพุดเดิ้ลนะ พุดเดิ้ลจะได้มีเงินผ่อนเดือนละ 35,000 บาท เพราะผ่อนบ้ายเดือนละ 50,000 บาท พุดเดิ้ลก็ออกเดือนละ 15,000 บาท เขาก็เลยไม่ซีเรียส แต่พอเราตก พุดเดิ้ลก็ยอมรับว่ารายได้มันไม่เข้ามาเลยนะพี่แอนนา บ้านเอายังไงดี เราก็บอกว่าหรือจะขายก่อน มีแล้วค่อยซื้อใหม่เราไม่ต้องไปเสียดาย

 

เพราะว่าถ้าให้พี่ไปเช่าบ้านพุดเดิ้ลเพื่อทำไลฟ์เหมือนเดิม พี่เองก็ไม่มีกำลัง เลยหยุดก่อน แล้วก็เลยขายบ้านค่ะ ขายขาดทุนด้วย แต่ยังไม่มีคนมาซื้อเลย มีแต่เอเจนซี่มาขอขาย เหมือนเราโพสต์ไปมันอยู่ในวงแคบๆ ตอนนี้กี่บาทก็ขายแล้วนะคะ แล้วอยากจะขอบคุณอีกอย่าง คือเมื่อวานพี่ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ทักมาว่าให้ซื้อหุ้นของพี่ณวัฒน์ 5 หมื่นหุ้น ซึ่งปกติแล้วทั่วไปจะได้ 1 หมื่นหุ้น แต่เขาเห็นเราลำบาก แล้วเราเลือกที่จะอยู่กับแกรนด์ เขาก็เลยบอกว่างั้นพี่ให้ 5 หมื่นเลย อย่างน้อยเงินก็แค่ 2 แสนกว่าบาท แล้วเขาก็มั่นใจในหุ้นของเขา เพราะบริษัทเขาไม่ได้เป็นหนี้ ถือไปเถอะมากน้อยกำไรก็เอาไว้ใช้ ก็ยังพูดกับพี่จี้ ว่าหุ้นกันไหมคนละ 1 แสนค่ะ

 

ยังมีคนอื่นเข้ามาช่วยเหลืออีกไหม?
แอนนา :
มีพี่มดดำ (คชาภา ตันเจริญ) ค่ะ เขาถามว่าเป็นหนี้เยอะไหม เขาบอกว่าโอเค กูช่วยไม่ได้ (หัวเราะ) แต่แกก็บอกว่าสลอตรายการ แกให้ฟรีได้เลยนะ รายการไหนที่แกให้ได้ แกให้ได้เลย อย่างรายการแฉ ถ้าอยากไปออกบอกเลยนะ ล่าสุดแกบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนอยากแอนนา แกจะให้ผ่านและให้ไปทอล์คในรายการได้ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าจ้าง

 

รู้สึกอย่างไรบ้างที่สิ่งที่มันออกไป ทำให้ความน่าเชื่อถือของเราหมดไป?
แอนนา :
คนอื่นอาจจะไม่เชื่อถือในตัวแอนนา แต่แอนนายังเชื่อถือในตัวเอง และยังให้โอกาสตัวเองอยู่เสมอ คนบอกว่าพี่จี้, แม่ศิตางคุ์, ฟิล์ม ทิฟฟานี่ และพี่ไวท์ หายไปไหน ทุกคนอยู่ครบหมด แต่ทุกคนไม่ได้ออกหน้าสื่อ พี่จี้มาหาที่บ้านบ่อยมาก แต่ไม่ได้ออกมาไลฟ์หน้ากล้องด้วยกัน เพราะด้วยความที่เราก็บอกว่าไม่ต้องออก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าคนไปตามทวงหนี้พี่จี้ต่อ คือลูกค้าที่เข้าใจก็มี แต่ที่ไม่เข้าใจและติดต่อเราไม่ได้ บางทีเขารอไม่ไหว เรามีแอดมินแต่ก็เหลือน้อยแล้ว เราไม่มีเงินจ้าง ปัจจุบันยังติดเงินเดือนพนักงานอยู่เลย

 

เวลาเจอคอมเมนต์ด้านลบ เราตั้งรับมันยังไง?
แอนนา :
ก็ร้องไห้ค่ะ ร้องไห้เลย หลังๆ เจอมากๆ ก็ไม่ไลฟ์เลยจบ ก็เลือกที่จะหยุด ภูมิใจคุ้มกันเราเหมือนแก้วอะ โดนทุบหลายๆ รอบมันแตกจะละเอียดแล้วนะตอนนี้ มันต้องหลอมใหม่แล้ว หลอมใหม่ก็คือเกิดใหม่ชาติหน้า

 

เป็นสาเหตุที่เรารีรันไลฟ์ใช่ไหม?
แอนนา :
ก็เลยรีรันตลอด เพราะต้องยอมรับว่าเวลาเราเจอคอมเมนต์ด้านลบเราสั่น แล้วมือมันสั่น ตอนหลังไม่รู้ตัวเอง ว่าเอาเล็บมาจิกตัวเองจนเป็นรอยหมดแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกว่าดีขึ้น สบายใจขึ้น งงไหม อันนี้ต้องไปปรึกษาหมอ อยากได้หมอที่มีเวลาคุยสักชั่วโมงหนึ่งเลย รับฟังปัญหาแล้วแก้ให้หน่อย เพราะวัดเข้าจนไม่รู้จะเข้ายังไงแล้ว บวชกับพี่จี้มา 7 วัดแล้ว เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เราไม่ได้อยากตายค่ะ เราอยากมีชีวิตด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แต่เราหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้

 

จากจุดสูงสุดมาถึงตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรแถมยังเป็นหนี้?
แอนนา :
นี่ไม่ใช่จุดต่ำสุด นี่คือบททดสอบ เหมือนมีคนเอากำแพงมาตั้งไว้สูงๆ แล้วบอกว่าปีนให้ได้ ก็เลยไม่ได้มองว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะไปขายตัวต่างประเทศก็เคยทำมาแล้ว ตอนไม่มีเงินสักบาทนั่งร้องไห้ ดังนั้นเลยคิดว่าไม่มีจุดที่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้ใครคิดว่าตัวเองกำลังท้อหรือชีวิตแย่มาก แอนนาจะบอกว่าไม่มีใครหรอก ที่ชีวิตจะแย่ขนาดนั้น มันจะแย่แค่ไหนก็ตาม มันจะไม่แย่ไปกว่าที่เราเป็นอยู่ ถามว่ามีน้อยเนื้อต่ำใจไหม ก็ไม่เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าทำเองหมดเลย เราพลาดเอง เราเป็นผู้นำไม่ได้ แต่เราอยากเป็น

 

เรื่องคดีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
แอนนา :
อยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยกับลูกค้า แล้วก็ทยอยคืนเงินตลอด ทุกๆ วันจะต้องมีสลีปคืนเงินทุกวัน ลูกค้าจะถามว่าคืนใคร คืนคนไหน เราก็เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เพราะต้องใช้ในชั้นศาล ตอนนี้ก็คืนไปได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ต้องใช้เวลาปีหนึ่งถึงจะหมด

 

ยังเครียดหรือกังวลเรื่องคดีไหม?
แอนนา :
คดีไม่เครียดเลยค่ะตอนนี้ บอกแล้วว่าคุกไม่กลัว แต่ไม่ท้าทาย เพราะว่าเราเห็นเคสตัวอย่างแล้ว ก็ยังต้องไปรายงานตัวอยู่ตลอดค่ะ ตำรวจก็ยังถามมาว่าเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเป๊ะมาก

 

เรื่องทองหายมีอัปเดตไหม?
แอนนา :
เหมือนคดีจะถูกย้ายไปให้อีกหน่วยงานหนึ่งดูแลค่ะ ซึ่งเราก็ดีใจ แต่ไม่พูดอะไรเพิ่มเติมดีกว่า ให้มันเป็นกระบวนการของตำรวจไป

"แอนนา วรินทร วัตรสังข์"

อยากบอกอะไรกับชาวเน็ตที่ชอบมาแซะไหม?
แอนนา :
หนูอยากชื่นชมชาวเน็ตนะ หนูอยู่ในเหตุการณ์โซเชียลมาหลายปี ปกติแอนนาจะไม่เคยได้รับกำลังใจ แต่ปัจจุบันแอนนาได้กำลังใจเยอะมาก มีคนเข้ามาเมนต์ในเฟซบุ๊กเยอะมากว่าต้องสู้ ลองแก้ปัญหาแบบนี้ ลองไปที่นี่สิ อันนี้อยากจะขอบคุณทุกคนจริงๆ ส่วนคนที่มาว่ามันเป็นกลุ่มน้อย เขาไม่เข้าใจ อาจจะด่าเอากระแส เอาสนุก เอามัน เรามองว่าเขาก็ทำได้ แต่เพียงแค่โลกยุคใหม่ คนต้องปรับตัวให้สตรองพอที่จะอยู่กับโลกโซเชียลได้ เพราะเราไปเปลี่ยนคนหมู่มากไม่ได้หรอก แต่เราต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้ ถามว่าจะฟ้องไหม ไม่ฟ้องค่ะ เกิดมาไม่เคยฟ้องใคร แล้วก็ไม่คิดจะฟ้อง ใครจะด่าไรด่าไปเลย ปล่อยเขาไป ทองหาย 4 ล้านเรายังไม่เอาเรื่องเลย นับประสาอะไรกับจะมาฟ้องคนด่า ที่ใช้แค่ลมปากหรือแป้นพิมพ์ด่า

 

ยืนยันว่าหลังจากนี้แอนนาจะไม่หายไปแล้ว?
แอนนา :
ไม่หายค่ะ ทำงานตลอดค่ะ แต่ที่หายไปเพราะว่าสภาพจิตใจมันไม่ได้ ถามว่าไปวัดแล้วมันช่วยอะไรเราได้บ้าง อย่างน้อยฟังธรรมจากหลวงพ่อ คือปกติถ้าจะฆ่าตัวตายแอนนาจะไม่มาบอกนะคะ แต่วันนี้จะบอกว่าถ้าใครคิดสั้น ให้บอกคนรอบตัวเลย ให้คนรอบตัวทราบว่าเรามีปัญหาแล้ว อย่าเรียกร้องความสนใจ แต่จงบอกเขาอย่างจริงใจ สุดท้ายแล้วเราจะได้การช่วยเหลือ

"แอนนา วรินทร วัตรสังข์"

logoline