บันเทิง

'หมิว สิริลภัส' ก่อนตาย ขอพัฒนาบ้านเมือง โต้คอลเอ้าท์จนตกงาน ถูกบูลลี่อ้วน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมิว สิริลภัส" ก่อนตาย ขอทำเพื่อบ้านเมือง อยากพัฒนาแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของประชาชน ลงการเมืองชีวิตเปลี่ยนเยอะ โต้ตกงานเพราะคอลเอ้าท์ เจอดราม่าบูลลี่รูปร่าง บอกอ้วนขึ้นเพราะป่วย ตอนนี้กำลังลดหุ่น ดูแลตัวเอง

ปังแบบฉุดไม่อยู่ สำหรับ "หมิว - สิริลภัส กองตระการ" ว่าที่ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ก่อนหน้านี้ คะแนนนำ ในเขต 14 เขตบางกะปิ และเขตวังทองหลาง ได้ 42,218 คะแนน ซึ่งตั้งแต่เธอตัดสินใจลงเล่นการเมือง ส่งผลให้กระแสตอบรับของเธอดีมาก จนถูกแซวว่าปังกว่าตอนเป็นดาราอีก 

 

ท่ามกลางกระแสข่าวดราม่าต่างๆ มีหลายคนพูดถึงอดีตที่เธอเคยออกมาคอลเอ้าท์ จนทำให้ได้รับผลกระทบกับงานในวงการบันเทิง ทั้งยังถูกโซเชียลบูลลี่ วิจารณ์เรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนไปอีกด้วย 

 

ล่าสุด ทีมข่าวบันเทิง "คมชัดลึก" สบโอกาสเจอ "หมิว สิริลภัส" ที่งานเนชั่น 23 ปี ก็เลยไม่พลาดที่จะไปสัมภาษณ์เธอสักหน่อยว่าตอนนี้ชีวิตของว่าที่ ส.ส. เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

 

ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม จากดาราเป็นนักการเมือง ?
ยังไม่หยุดทำงานเลยค่ะ ถึงแม้ว่า กกต. จะยังไม่รับรองทุกคน แต่ว่า ส.ส.ก้าวไกล ในกรุงเทพมหานคร และในเขตอื่นๆ ทั่วประเทศ ก็เริ่มทำงานกันแล้วค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าสถานะหน้าที่ของเราได้รับมาตั้งแต่วันที่เราเลือกตั้ง ได้รับคะแนนจากประชาชนไปแล้ว เราก็ทำงานเลย เราก็เริ่มเซ็ตติ้งทีม ลงพื้นที่เก็บข้อมูล เพื่อรวบรวมปัญหา และนำไปผลักดันเชิงนโยบาย และปรับพื้นฐานตัวเอง เพื่อเตรียมตัวในการทำงานที่สภา

 

หมิวว่าทุกวงการมีก้าวแรกของมัน ตอนที่เป็นนักแสดงกว่าเราจะมีชื่อที่ติดหู มีผลงานที่หลายคนจำได้ว่าคนนี้เป็นนางร้าย เราก็มีก้าวแรกเสมอ ก็เริ่มจากตรงนั้น และเริ่มพัฒนาตัวเองจากการเป็นตัวประกอบ เล่นรับเชิญ มาประกวดนางงาม ทุกอย่างมีเส้นทางของมัน หมิวพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด มาวันนี้ถึงแม้ว่าอายุเรามากขึ้น แต่เราไม่หยุดเรียนรู้ เพราะฉะนั้นหน้าที่การงานใหม่เส้นทางใหม่ เราจะไม่หยุดเรียนรู้ เราจะไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะเราเชื่อว่ายังไงมันก็สามารถเดินต่อไปได้

"หมิว - สิริลภัส กองตระการ"

อยากพัฒนาบ้านเมืองยังไง ?
หมิวตั้งใจที่จะพัฒนาจุดเล็กๆ คือการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงวัยผู้ใหญ่ เพราะเราเชื่อว่าสถานการณ์ตอนนี้ คนมีภาวะที่จะเป็นซึมเศร้า มีภาวะเครียดเยอะ ส่วนตัวเราก็ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด ว่าเราก็เป็น เราเลยอยากจะไปผลักดันเรื่องนี้ ให้การรักษาเข้าถึง อยากให้การรักษาดีขึ้น และมีมาตรการปกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

 

เราเป็นดารามาก่อนจะพัฒนาอะไรในวงการไหม ?
แน่นอนค่ะ อย่างเรื่องสวัสดิการคนกอง จะไปผลักดันให้เขาได้รับค่าจ้าง หรือว่าชั่วโมงการทำงานที่เป็นธรรม เราเคยอยู่กองถ่ายมาแล้วเรารู้ว่าฝ่ายอื่นในการทำงานเขาลำบากกว่าเราเยอะ เรายังมีเวลาพักแต่คนอื่นไม่มีเวลาพักเลย แล้วก็เรื่องของการส่งเสริมส่งเสริมให้กับสามารถ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหรือนักแสดงก็แล้วแต่ เราเชื่อว่าบุคลากรในวงการเรามีความสามารถเยอะ แต่ว่าโดนปิดกั้นเสรีภาพด้านการแสดงออก ก็เลยอยากจะไปปรับเปลี่ยนตรงนั้น ถ้ามันมีคนที่สนับสนุน และเปิดกว้างตรงนี้มากขึ้น อุตสาหกรรมวงการบันเทิงไทยจะไปได้ไกลกว่านี้

"หมิว - สิริลภัส กองตระการ"

เคยถูกมองว่าตกงาน เพราะไปคอลเอ้าท์ รู้สึกยังไงกับคำนี้บ้าง ?
เราอยากบอกว่าเราไม่ได้ตกงาน เราออกมาเป็นนักแสดงอิสระ มันมีเส้นทางใหม่มากกว่า ถามว่าวันนั้นเรามีงานไหม ก็ยังมีงานทำอยู่ แต่ว่างานประจำที่เราเคยอยู่ในสังกัดมันอาจจะต้องถูกพักไป ในวันนี้เราก็บอกกับตัวเอง และก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าความพยายามไม่เคยทรยศใคร เราเชื่อมั่นในความคิดอุดมคติของเรา และเจตนาดีของเรา เราอยากเปลี่ยนแปลงสังคม ขออย่างเดียวก่อนเราตาย อยากให้สังคมและประเทศของเรามันน่าอยู่ขึ้น เพื่อลูกหลานของเรา ซึ่งเราตั้งใจแบบนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณเป็นบุคคลสาธารณะ คุณสามารถออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยที่ไม่ต้องมีผลกระทบ

 

กังวลไหม กับกระแสข่าวต่างๆ ในช่วงนี้ ? 
ถ้าเป็นเรื่องข่าวหมิวเจอมาแล้ว 20 กว่าปีในวงการบันเทิง สมัยก่อนหนักกว่าทุกวันนี้อีก สมัยก่อนปลายปากกาคืออำนาจ แต่สมัยนี้ดารานักแสดงหลายคนโชคดีที่มีช่องทางในการสื่อสารของตัวเอง หมิวรู้สึกว่าในเรื่องของการคอมเมนต์ต่างๆ หรือกระแสที่ต่อต้านต่างๆ เราจะพิสูจน์ด้วยการทำงานของเรา เราเชื่อว่าข่าวที่ผ่านมาสุดท้ายแล้วมันก็พิสูจน์ได้ว่าเราไม่ได้เป็นคนแบบที่ทุกคนคิด หมิวเชื่อว่าหมิวรู้ตัวเองว่าเป็นคนยังไง รู้เจตนา และปลายทางของมันคืออะไร สิ่งที่เข้ามามันคือก้อนหินระหว่างทาง ก็อาจมีสะดุดบ้างล้มบ้าง แต่ก็เดินข้ามไปให้มันถึงบ่ายทางให้ได้

 

อยากบอกอะไรกับประชาชน 4 หมื่นกว่าเสียงที่เลือกเรา ?
หมิวจะทำงานให้หนักค่ะ จะทำงานให้เต็มที่ ไม่ใช่เฉพาะแค่ 40,000 เสียงที่เลือกเรามา แต่มันคือทุกเสียง 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล พวกเราจะทำงานให้เต็มที่ พวกเราจะทำงานให้สมกับความหวังที่ทุกคนฝากไว้ เชื่อว่าครั้งนี้เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายหลายอย่างให้มันดีขึ้นได้แน่นอน 

 

หลายคนจับตาความเปลี่ยนแปลงของหมิว ?
ตอนนี้ยูนิฟอร์มของหมิวเป็นแบบนี้ เพราะบางทีออกงานเสร็จแล้วก็ไปลงพื้นที่ต่อ รอแป๊บนะคะวันนี้เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ปกติเราไม่ใช่สภาพนี้นะ คือไปลงพื้นที่มันทำแบบนี้ไม่ได้ คือไปลงพื้นที่มันมีเหงื่ออะไรแบบเนี่ย ก็จะพยามพักหน้าให้ได้มากที่สุด ก็จะพยามพัฒนาค่ะ นี่ก็คือส่วนหนึ่งในการพัฒนาตัวเอง เพราะว่าก่อนที่เราจะดูแลคนอื่น เราต้องดูแลตัวเองก่อน ตอนนี้ผอมลงไปแล้วนะคะจาก 70 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือที่ 64 กิโลกรัม ก็จะพยายามลดลงให้ได้เรื่อยๆ และก็จะพยายามฟื้นฟูตัวเอง ตอนนั้นที่สภาพมันเปลี่ยนไปเยอะก็มีหลายปัจจัย เราใช้ยารุนแรง และเป็นซึมเศร้าด้วยหลายอย่าง ตอนนั้นปล่อยตัว แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว เราจะพัฒนาตัวเอง พัฒนางาน และรูปร่างของตัวเองไปด้วย

 

ผอมลงทำยังไง ?
ไปเดินหาเสียงกับหมิวเลยค่ะ แล้วทุกคนจะมีน้ำหนักที่ลดลง มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงขึ้น คือมันลดจริงๆค่ะ แต่มันก็จะแลกมากับฝ้าและกระ และผิวที่คล้ำขึ้น แต่เราเชื่อว่าของแค่นี้มันแก้ไขได้ มันถือว่าเป็นความท้าทายที่เราต้องกลับไปขึ้นรูปร่างเดิมให้เร็วที่สุด แต่เราจะไม่เอาอันนั้นมาเป็นเรื่องหลัก เพราะว่าตอนนี้เรื่องหลักของเราคือการทำงานให้ประชาชน ตอนนั้นที่เราต้องรักษารูปร่าง เราต้องทำตัวให้ดูสวยตลอดเวลา เพราะมันคือการทำงานของเรา เราต้องใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน แต่ตอนนี้รูปร่างหน้าตาถือว่าเป็นภาพลักษณ์ที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือเรื่องของการจัดการของหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา มันสำคัญมากกว่า แล้วเรื่องของการจัดการรูปร่างจะเป็นเรื่องรองลงมา

 

เห็นในโซเชียลคนชมเราเยอะมาก และออกมาปกป้องตอนที่มีคนวิจารณ์เรื่องรูปร่างเรา ?
เชื่อไหมหน้าผมวันนี้มาจากอาสาสมัคร ที่เขาเคยเห็นเราโดนบูลลี่ในติ๊กต็อก แล้วเขาติดต่อมาบอกว่าทุกครั้งที่หมิวจะออกงาน เขาจะมาแต่งหน้าทำผมให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะเขาอยากให้หมิวดูดีในเวลาออกงาน นี่คือคนที่ซับพอรตเรา ในเรื่องที่แย่ มันก็มีเรื่องที่ทำให้เราได้ใจฟู ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่อยากจะซับพรอตเรามากขนาดนี้

"หมิว - สิริลภัส กองตระการ"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ