
เส้นทางชีวิต "ก้านตอง ทุ่งเงิน" โดนดราม่าเด็กเส้น เพราะพี่สาว "ดอกอ้อ ทุ่งทอง"
"ก้านตอง ทุ่งเงิน" เล่าเส้นทางชีวิตนักร้อง เคยโดนดราม่าว่าเป็นเด็กเส้น เข้าวงการได้เพราะพี่สาวแท้ๆ "ดอกอ้อ ทุ่งทอง"
"ก้านตอง ทุ่งเงิน" เจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง "จื่อบ่" พาไปเปิดเรื่องราวชีวิตของเธอ ในรายการ “เกิดมาเว่า” สัปดาห์นี้ ตั้งแต่เส้นทางในการเป็นนักร้องกว่าจะมาถึงวันที่ผลงานเพลงกลายเป็นกระแสโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้มีงานอย่างไม่ขาดสาย จากที่เคยโดนดราม่าว่าเป็นเด็กเส้น เข้าวงการได้เพราะพี่สาว
เพลง "จื่อบ่" กระแสดีมาก ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ?
ก้านตอง : จริง ๆ เป็นนักร้องมานานแล้วค่ะ เป็นมาหลายปีจนรู้สึกว่าเพลงเราไม่ดังสักที พอมาถึงเพลง "จื่อบ่" ก็ดังมาก ก็ทำให้เรามีงานมากขึ้น มีคอนเสิร์ตตลอด ภาษากลางคำว่า จื่อบ่ แปลว่า จำไหม เข็ดไหม
เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งคนจะรู้จักเพลงเราทั่วประเทศขนาดนี้ ?
ก้านตอง : จริง ๆ ก็มีเพลงที่ร้องกัน 3 คน เพลง “ไปถอนคำสาบาน“ ตอนนั้นก็มีคนรู้จักเพลงนะคะ แต่คนอาจจะยังไม่รู้จักตัวเราชัดเจนเท่าไร หลังจากนั้นก็เริ่มมีเพลงออกมาเรื่อย ๆ มียอดวิวประมาณ 20 ล้าน 30 ล้าน แต่มันจะดังเฉพาะในโซนภาคอีสาน คนทั่วประเทศอาจจะยังไม่รู้จักเราดีพอ ชื่อของเราคือ ดอกอ้อ ทุ่งทอง และก้านตอง ทุ่งเงิน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครรู้จักเราแบบเดี่ยว ๆ มากนัก
ดอกอ้อ ทุ่งทอง กับ ก้านตอง ทุ่งเงิน เป็นอะไรกัน ?
ก้านตอง : พี่ดอกอ้อเป็นพี่สาวแท้ ๆ เป็นในนามของศิลปิน คือดอกอ้อ ทุ่งทอง ทุ่งทองคู่กับทุ่งเงิน เป็นชื่อในวงการที่ตั้งขึ้นเพื่อให้เข้าคู่กัน เพราะเงินกับทองต้องคู่กัน ซึ่งครูสลาเป็นคนตั้งให้ค่ะ พอใช้ชื่อนี้ก็ทำให้บางคนสับสนว่าใครคือดอกอ้อ ใครคือก้านตอง แต่พอเริ่มมีเพลงออกมาเรื่อย ๆ คนก็เริ่มจำเสียงได้ว่าเสียงใครเป็นใคร และจนมาถึงเพลง “จื่อบ่” เพลงนี้เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนเลยค่ะ ทำให้เป็นที่รู้จักแบบตูมเดียวทั่วประเทศเลย
มีมุมมองยังไงกับโซเชียลมีเดียที่ทำให้ผลงานของเรากลับมากระแสแรงขึ้น ?
ก้านตอง : โซเชียลมีผลเยอะมาก ทุกวันนี้โลกโซเชียลมันเข้าถึงง่าย ไปทางไหนใคร ๆ ก็เล่นโซเชียลกันหมด ทุกคนมีช่องทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน วัยไหน แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ยังเล่นได้แล้ว มันเหมือนเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนเข้าถึงเราได้ง่าย สมัยก่อนจะปล่อยเพลงต้องเป็นเทป เป็นซีดี ออกทางวิทยุ หรือถ้าอยากออกทีวีต้องดังจริง ๆ ถึงจะได้ออก ทำให้คนเห็นผลงานเรายากมากพอมีโซเชียลแล้วมันเปลี่ยนหมดเลย ทุกอย่างเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ คู่แข่งก็เยอะขึ้นตามไปด้วย เพราะใครก็สามารถปล่อยงานได้เหมือนกัน ทำให้เราต้องพัฒนางานให้ดีกว่าเดิม
เป็นคนที่ไหน ?
ก้านตอง : เป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี อำเภอบุณฑริกค่ะ
ชีวิตตอนเด็กเป็นยังไง ?
ก้านตอง : ก็เหมือนเด็กน้อยทั่วไป แต่ว่าบ้านค่อนข้างยากจน มีพี่น้อง 5 คน บางครั้งไม่มีข้าวกิน แม่ต้องไปยืมข้าวจากเพื่อนบ้านมาเลี้ยงลูก พ่อแม่ก็ทำนาทำงานธรรมดาทั่วไป เราเป็นลูกคนที่ 5 พี่ดอกอ้อเป็นลูกคนโตต้องคอยดูแลน้อง ๆ เหมือนเป็นผู้ใหญ่ คอยสอน คอยเตือน ช่วยเลี้ยงน้อง ๆ ด้วย
เพราะว่าเงิน 500 ทำให้พบพรสวรรค์ในการร้องเพลง ?
ก้านตอง : จริงค่ะ ตอนนั้นยังเด็กมากเลยค่ะ จำได้ว่าประมาณ 4-5 ขวบเอง พี่ดอกอ้อเป็นคนพาไปงานเลี้ยงของข้าราชการ ซึ่งมีดนตรีอิเล็กโทนเล่นอยู่ แล้วเขาก็จ้างนักร้องมาร้องเพลง ตอนนั้นพี่ดอกอ้อก็บอกกับคนที่นั่นว่า “น้องหนูร้องเพลงได้” แล้วก็อุ้มเราขึ้นเวทีเลย โดยที่ยังไม่ได้ถามเราด้วยซ้ำว่าเราพร้อมไหม หรือกล้าร้องหรือเปล่า ตอนนั้นก็คือ ทั้งร้องไปและร้องไห้ไปพร้อมกันเลย ก็ต้องร้อง เพราะเขาอุ้มเราขึ้นเวทีแล้ว ถ้าไม่ร้องก็กลัวจะขายหน้าพี่สาว
การร้องเพลงทำให้หาเงินเองตั้งแต่เด็กจนสามารถส่งตัวเองเรียนจบปริญญาตรีเลย ?
ก้านตอง : จริงค่ะ ตั้งแต่ ม.2 ก็เริ่มไปร้องเพลงกับวงอิเล็กโทน หาเงินมาเป็นค่าหนังสือ ค่าเรียน แล้วพอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ได้ทุนเรียนค่ะ เพราะเป็นเด็กกิจกรรม ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย พ่อก็เสียชีวิต เลยต้องพยายามดูแลตัวเอง ส่งตัวเองเรียนจนจบ คือเรามาจากครอบครัวที่ลำบาก ฐานะไม่ดี ก็เลยต้องขยันต้องพยายาม
มาเป็นนักร้องในแกรมมี่โกลด์ได้ยังไง ?
ก้านตอง : พูดตรง ๆ เลย พี่ดอกอ้อเป็นคนพามาฝากไว้กับทางค่าย ครูที่แกรมมี่โกลด์เขาก็กำลังมองหานักร้องอยู่ แล้วพี่ดอกอ้อก็แนะนำเราไป เพราะครูเคยเห็นเราตอนประกวดมาก่อน แม้ตอนนั้นเราจะไม่ชนะ ครูเขาก็ให้โอกาสลองร้องในเพลง “ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” ของพี่นาง ศิริพร เป็นเหมือนการแจมในอัลบั้มค่ะ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่แกรมมี่โกลด์ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ออกเพลงเต็ม ๆ เลยนะ คือเขาจะให้ลองร้องก่อน เหมือนฝึกก่อน
เคยเจอดราม่าว่าเราเป็น “เด็กเส้น” บ้างไหม ?
ก้านตอง : เจอค่ะ เข้ามาได้เพราะพี่สาว แต่จริง ๆ เด็กฝากมีความกดดันในตัวเองอยู่แล้วว่าคนจะมองยังไง จะคิดว่าเราเข้ามาเพราะมีเส้นสาย ไม่ใช่เพราะความสามารถของเราเราต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้เข้ามาเพราะเส้นสาย เรามีความสามารถจริง ๆ ต้องทำให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูด มันไม่ใช่ความจริง บางครั้งเราก็รู้สึกอิจฉาคนที่เข้ามาได้ด้วยตัวเอง แต่เราก็พยายามคิดว่าเราโชคดีแล้วที่มีพี่พาเข้ามา แต่สิ่งที่ไม่โชคดีคือเราต้องเจอกับการเปรียบเทียบตลอดเวลา สุดท้ายเราต้องถามตัวเองว่าทำไมเราต้องกดดันกับสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดเรา ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง ถ้าไม่ขยันจริง เราก็ไม่มีทางอยู่ได้ถึงวันนี้
เคยมีช่วงที่ท้อแท้ไหมกว่าจะมีทุกวันนี้ ?
ก้านตอง : มีค่ะ เราไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเก่งเท่าคนอื่น คิดตลอดเวลาว่าคนอื่นเสียงดีกว่าเราแต่สิ่งที่พี่มีมากกว่าคนอื่น ความอดทนและพยายามสูงกว่าคนอื่น จะเก่งได้เราก็ต้องใช้ความพยายามมาก ๆ คนที่เก่งมาก ๆ มักจะไม่ค่อยฝึก แต่คนที่ไม่เก่งจริง ๆ จะฝึกตลอดเวลา
ความรักเป็นยังไง ?
ก้านตอง : จริง ๆ ความรักก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ ค่ะ มีคนดี ๆ เข้ามาก็คุย เราต้องค่อย ๆ ดูกันไป อย่างตอนรักกันก็ดูดีไปหมดพอเลิกกันเราก็กลายเป็นคนแปลกหน้ากัน เพราะฉะนั้นเรื่องรัก ๆ เลิก ๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา เรามองมันเป็นสัจธรรมของชีวิต ไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แล้วไม่มีใครอยู่กับเราจนถึงวันตายนอกจากตัวเราเอง สเปกที่ชอบแค่เข้าใจก็พอแล้ว ถ้าเกิดว่าเขารักเราแล้วเขาก็ต้องรักครอบครัวเราด้วย ถ้าเขาไม่รักครอบครัวเรามันก็ไม่มีประโยชน์สุดท้ายแล้วคนที่อยู่กับเรามาตลอดก็คือครอบครัวเรา
เป้าหมายต่อจากนี้จะเป็นในทิศทางไหน ?
ก้านตอง : ไม่ได้มีเป้าหมายที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เกินฝันมากแล้ว ร้องเพลงให้มีความสุขทำหน้าที่ให้เต็มที่ เพราะอาชีพนี้ทำให้เรามีทุกอย่างในวันนี้ อาชีพนี้ทำให้เรามีกิน มีใช้ ชีวิตต่อจากนี้คือ มันคือกำไรชีวิตแล้ว คำว่ากำไรชีวิตคือเราได้ดังสมใจเราแล้ว มีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้น ถ้าเราไปคาดหวังกับชีวิตมากมันก็จะไม่มีความสุข
สามารถติดตาม “เกิดมาเว่า” ได้ที่ช่องทาง Facebook: WE DO , Youtube: WE DO วันอังคาร เวลา 18.00 น.
คลิกชมคลิปย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=TyXkgZPKY4k