การแสดงคือชีวิต "ตู่ นพพล" บุคลากรทรงคุณค่าของวงการบันเทิงไทย

สืบเนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศรายชื่อบุคคลสำคัญ ที่ถูกเชิดชูเกียรติได้รับให้เป็น "ศิลปินแห่งชาติ" สาขาต่างๆประจำปี 2564  ซึ่ง "ตู่ นพพล โกมารชุน" ได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ปี 2564 สาขาภาพยนตร์และละคร นับเป็นบุคลากรอันทรงคุณค่า เพราะไม่ได้เป็นเพียงแค่นักแสดงแต่ "ตู่ นพพล" ยังเป็นผู้กำกับเบื้องหลังของความสำเร็จในละครเรื่องต่างๆด้วย 

เมื่อ "ตู่ นพพล" ได้ทราบข่าวว่าตัวเองได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติก็รู้สึกเป็นเกียรติมากดีใจที่ได้ตามรอยแม่แท้ๆอย่าง "คุณแม่จุรี โอศิริ"ที่รับคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติเช่นกัน ถือเป็นการก้าวตามรอบแม่ ด้านผู้ใหญ่และครูบาอาจารย์หลายท่านก็ให้การสนับสนุน

สำหรับชีวิตในวงการบันเทิง 40กว่าปี "ตู่ นพพล" บอกว่าการแสดงคือชีวิตของเขา หากย้อนดูแล้วผลงานที่สร้างไว้มีมากมาย   เขาเริ่มต้นเป็นแสดงและได้ตัวเอกในหลายเรื่อง แต่ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่กล่าวถึงอย่างแท้จริงด้วยกันสามบทบาท คือ การรับบท "อินทร" ชายหนุ่มผู้เย็นชาทนงตัวแต่แฝงด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนและแอบรัก ละเวง มัณฑนากรสาวนางเอกของเรื่อง ในละคร เก้าอี้ขาวในห้องแดง ทางช่อง 3 พ.ศ. 2527 ประกบคู่กับ "มยุรา เศวตศิลา"  ซูหลิน หนุ่มจีนแผ่นดินใหญ่ผู้แสนดีและมีอุดมการณ์ ในละคร กนกลายโบตั๋น ทางช่อง7 พ.ศ. 2533 คู่กับ "ปรียานุช ปานประดับ"และเกิดเป็นความรักจนกลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา

นอกจากนั้นยังทำงานเบื้องหลังกำกับละครให้ช่อง 3 เช่น กตัญญูประกาศิต พ.ศ. 2533, น้ำตาหยดสุดท้าย พ.ศ. 2536, โสมส่องแสง พ.ศ. 2537 เป็นต้น โดยมีนักแสดงคู่ใจอย่าง "ฉัตรชัย เปล่งพานิช" มารับบทเป็นพระเอกให้แทบทั้งหมด ปัจจุบัน ได้ผันตัวเองเป็นผู้กำกับละครและผู้จัดละคร โดยเปิดกิจการของตนเอง ชื่อ บริษัท เป่าจินจง เมื่อปี 2541

ต้องบอกว่า "ตู่ นพพล" ถือเป็นคนที่ทำงานในวงการบันเทิงได้ดีมากทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ใครที่ได้ร่วมงานต่างยกให้เขาเป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าในวงการบันเทิงไทย เรียกว่าทำได้หมด ทั้ง นักแสดง ผู้กำกับ นักพากย์เสียง พิธีกร หรือแม้กระทั่งนักร้อง แต่ที่เห็นจะชอบมากที่สุดคือเรื่องของ การแสดง 

เมื่อช่วงปลายปี 2564 "ตู่ นพพล" คิดจะวางมือจากการเป็นผู้จัดลครและงานเบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งเขาไม่มีทางทิ้งก็คือการแสดง "ในด้านการแสดงนั้นยืนยันไม่หยุดแน่นอน ไม่มีวันหยุด ยังไงก็ยังชอบการแสดง แต่ที่ต้องวางมือจากงานเบื้องหลังเป็นเพราะว่าแรงมันเริ่มที่จะถอยเหมือนกัน เรารู้ตัวเราดี รู้ว่าสังขารเราเป็นยังไง เมื่อไหร่ถึงเลข 7 ก็น่าจะถอยได้แล้ว และมีแพลนย้ายไปอยู่เชียงราย นั่นเพราะธรรมชาติ ต้องการอยู่กับธรรมชาติชีวิตในเมืองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ อยู่ตรงนั้นอาตู่กับพี่นุช จะมีความสุขกับสัตว์เลี้ยงต่างๆ ธรรมชาติทั้งหมดเลย" 

ติดตาม คมชัดลึก ได้ที่ 

Instagram: https://www.instagram.com/komchadluek_online/

YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w